วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จากเจ็กโบ้ขายปลาทูนึ่งตามตลาดนัด กลายเป็น ผู้นำเข้าปลาทูแช่แข็ง (ตอนจบ)

ตอนจบ อวสาน...ชีวิตปลาท

เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้อง ...

ผมก็แฮปปี้ดีและสานฝันผมเป็นที่เรียบร้อย อยากเป็นพ่อค้าปลาแช่แข็งและผู้นำเข้าปลาทูก็ ได้เป็นแล้ว รายได้ดีซะ
อีก 2 วัน 8 หมื่นบาท ผมขายปลาทูนึ่งที่แผง วันละ 200 กว่าโล ขายที่ตลาดนัด อีก 200 กว่าโล กำไรหรอ อิอิ วันนึง
เกือบ 2 หมื่นบาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว รวม กับที่ขายปลาแช่แข็ง เฉลี่ยวันละ 40,000 บาท รวมๆรายได้ผมวันละ
ประมาณ 6 หมื่นบาท เดือนละเท่าไหร่พี่น้อง คิดไม่ออกนะ อิอิ เมียขายปลาที่แผง ผมวิ่งปลาแช่แข็ง ทำอย่างงี้
ประมาณ 18 เดือน งานเข้าเลยพี่น้อง งานเข้าอย่างแรงเลยละ

ลีลาอีกแระนายจิม เดี๋ยวป๊าด...ตบ..กบาลแยก ด้วยความที่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ขับรถขึ้นล่องบ้าง ไล่ตามปลาตาม
จังหวัดต่างๆบ้าง บางครั้งขับรถลงใต้โดนตำรวจซิว โดนบ่อยซะด้วยบริจาคเบี้ยบ้ายรายทางประจำ ติดต่องานทาง
ใต้บางครั้งก็คุยกันรู้เรื่อง คุยกันไม่รู้เรื่องก็บ่อยไป ทำไงดีละนายจิม ติ้กต้อก...เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ และแล้ว
ปิ๊งปั๊งขึ้นมา

พี่น้องใต้ คนใต้ นิยมพรรคปชป..อ้าได้ทีเลย เหลืองเนียน ปฏิบัติการทันใด ผมไปหาลุงผม ขอบอกก่อนลุงผม เป็น
ถึงผู้อำนวยการเลือกตั้ง จังหวัดนนท์เชียว ของพรรค ปชป ตำแหน่งที่ปรึกษา นายกชวน นะครับ ลุงครับ...ลุง เออ
ว่ามา มีไรละ ลุงผมขอสติคเกอร์ติดรถของพรรคปชป หน่อยซิ ครับ เอาหลายๆอันนะครับ อันใหญ่ๆเท่าหม้อแกง
เลยยิ่งดี ลุงผมถามว่า วันนี้เอ็งเป็นไรไปวะ จะเปลี่ยนสัญชาติเหรอ ทุกที ข้าฯเห็นบ้านเอ็ง...บ้าพรรคประชากรไทย
เข้ากระดูก เกลียดพรรค ปชป เข้าไส้ แหมลุงก็ ของมันเปลี่ยนกันได้ คิดไรมากละ แล้วจะให้ไหมละ ลุงผมเริ่มรู้ทัน
..เอ็งจะไปไหน จะไปใต้ละซิ เห็นได้ข่าวค้าปลาทางใต้ไม่ใช่หรือ

แหะๆๆๆๆ ผมหัวเราะแห้งๆพร้อมเอามือลูบกบาล นึกในใจรู้ทันตูอีกแหะ ถ้าเอ็งจะเอาครบสูตรนู้นเลยไปหา น้า
ชัยฯ เอ็งนั้นไป เค้าได้เมียภูเก็ต ไปปรึกษาเค้านั้นไป เมียเค้าเพื่อนเลิฟ กับ อัญชลี วานิชเทพบุตร ว่าแล้วลุงผมก็ให้
สติกเกอร์พรรคปชป อันเท่าหม้อแกง มา 4 แผ่นนะ ผมมิรอช้ารีบติดต่อน้าชาย เล่าปัญหาให้ฟัง ขอออกกตัวนิดนึง
ทั้งลุงและน้าเป็นลูกพี่ ลูกน้อง กับแม่ผม ไม่ใช่คลานตามกันมา น้าบอกว่าเอาอย่างงี้ซิ เพื่อไม่ให้ถูกตำรวจกวน
ค้าขายคล่องในภาคใต้ เอาสติคเกอร์นี่ไปยาวหัวรถท้ายรถเลย แต่เอ็งทำใจติดได้หรือป่าว ป้ายไรหรือน้า น้าชายรีบ
เอาออกมา สติคเกอร์เขียนว่า “ขอสนับสนุน ท่านอัญชลี วานิชเทพบุตร” อ้ายหยา แรงสะไม่มี ตูจะทำใจติดได้ไหม
นี่

ไม่เป็นไรวุ๊ย เพื่อปากท้องและความสะดวก ว่าแล้วก็แองงิ้ว อย่างแรง เดี๋ยววุ๊ย ไอ้โบ้ไรละน้า...เอ็งไปติดต่อเจือก
......บอกชื่อไม่ได้ ที่บางโรง อำเภอถลาง ภูเก็ต เป็นหนึ่งในทีมคดีโกโหลน เอ็งไปหาเค้าลากเค้าไปด้วย พวก
อันธพาลมันจะได้ไม่กล้ากะเอ็ง เดี๋ยวไอ้เสือ.....ยิงไส้ทะลัก ว่าแล้วน้าชายก็ยกหูโทรทันใด ให้เบอร์โทรผมเสร็จ
สับ ผมรีบแองกิ้ว อีกครั้งนึง จุฟฟฟ น้าชัยฯ

ผมล่องใต้ อ้ายหยา.....ทางสะดวกเลยคร้าบพี่น้อง ตำรวจตั้งด่านเพียบ ผมเหยียบประมาณ 120-180 กม/ชม คันอื่น
ถูกสอยเรียบ ของผมพี่ตำรวจตะเบะอย่างดี ไปเล้ยๆๆ ยันต์ ปชป ขลังดีวุ้ยส์

ปุเลง ปุเลง มายัน อีก 5 กิโล ถึงสะพานรักสารสิน ดูกระจกหลัง อ้ายหยามีมอร์ไซด์ ตามตูดมาวุ๊ย เปิดไฟให้แซงก็
ไม่แซง ถนนตอนนั้นเป็น 2 เลน ผมขับความเร็วสูงไม่ได้ ทำไงดีหว่ามันจิกตูดเราไม่ปล่อย ใครตามมายิงกบาลกู
ป่าววะเนี่ย ในสมองเริ่มคิด จะทำไงดีหว่า อ้อ นึกออกแระเราต้องเข้าที่ชุมชน ได้การแระ ผมรีบขับให้ถึงสะพาน
สารสินเร็วๆ ใต้สะพานมีท่าเรือ ชื่อ ท่าเรือฉัตรชัย ได้การแระเลี้ยวขวับทันใด

อ๊ะอ๊ะ มันไม่เลิกตามวุ๊ย จิกตูดไม่ปล่อย มันเลี้ยวตามแหะ ทำไงดีหว่า ? โอว พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก มีคนกำลัง
เดินกันขวักไขว่(เค้ากำลังซื้อขายปลากันอยู่) ผมเอามือกำด้ามปืนทันใดปลดเซฟปืนที่ซุกไว้ในรถ ได้การแระฝ่าฝูง
ชนเลยเรา แล้วเบรคจ้าก....ตรงนั้นเลย มันไม่เบรค แต่มันแซงผมนะ มันหยุดกึก ตรงกระจกข้างผม ณ. วินาทีนั้น
ผมควักออกมาเลย เมื่อยนิ้วแล้วละพี่น้องพักก่อนคร้าบ

เดี๋ยวๆๆๆพี่.......มันยกมือไหว้ผมแหะ อะไรวะขับรถตามตูดกูน่าสงสัยแล้วมายกมือไหว้กู เอ็งจะเอาอะไร ผมถาม
มันเชิงตะคอก พี่รถเครื่องหาเสียงไปร่วมด้วย เค้าให้เท่าไหร่ละพี่......มันถามผมแหะ ผมเลยด่ามันกลับก่อน ทีหลัง
เอ็งอย่าทำอย่างงี้อีกหาเรื่องกบาลเป็นรูมั้ยละเอ็ง

ไม่รู้โว้ยแต่เดี๋ยวถามให้ ข้าฯจะไปที่ศูนย์เลือกตั้งในเมือง เอาเบอร์โทรมาเดี๋ยวโทรบอก อย่าขับรถตามตูอีกละ ตู
มันคนขี้ตกใจง่ายพรวดพราดมากบาลเอ็งเป็นรูมาโทษข้าไม่ได้ ว่าแล้วมันก็รีบยกมือขอบคุณผมหลายๆๆ

ตรงนั้นทำให้ผมสังเกตุเห็นการค้าขายปลาที่นั่น ที่นี่แปลกแหะ บ้านขนปลาใส่ท้ายรถเครื่องมาขายที่ท่ากันเป็น
จำนวนมาก ปลาทูงี้สวยแบบไม่เคยเห็นจากที่ไหน ตัวเงาวับ ท้องหนาตึบเลย ถูกต้องตามเบญจกัลยณี ทุกประการ
ได้การแระ เราจะต้องทำยูเนี่ยนปลาทู เราต้องไปหาไอ้เสือ...นั่นก่อน ผมขอตั้งชื่อเสือตนนั้นว่า เสือเหลือง ละกัน
เพราะแก ปชป จ๋า

ไปถึงบ้าน พี่เหลือง เล่าให้ฟังวัตถุประสงค์ของเราว่าจะมาหาซื้อปลาเพื่อทำปลาแช่แข็งส่ง กทม มีปัญหาอย่างไร
แกต้อนรับขับสู้อย่างดี ไปเอาปลาโปะมาให้กิน แถวบางโรง มันติดทะเล และมีท่าเรือไปเกาะยาว เกาะเจมส์บอนด์
เกาะมันนอก มันใน ไปใช้บริการได้ ที่นั่นมีฟาร์มหอยนางรมด้วย อิอิ เดี๋ยวนอกเรื่องมาก

พี่เหลืองแกกำลังตกงาน แกเลิกอาชีพ ยิงกบาลคน นับจากคดีโกโหลน สิ้นสุดลง ผมเลยบอกแกว่า พี่เหลืองพี่มา
ทำงานกับผมป่าว แต่อย่าเข้าใจผิดว่าผมให้พี่ไปยิงกบาลใคร ผมให้พี่มีอาชีพนึ่งปลาขาย และคอยเก็บปลาส่งผม
โอเคมั้ย ? แกรีบตอบรับทันที นิสัยคนใต้ข้อดีคือปากหะมา พูดตรง ยกเว้นพวกใส่เสื้อนอกในสภา ผมจัดแจง
วางแผนงานระบบเหมือนคราวตอนที่ผมให้เพื่อนผมที่อ่าวลึกมันทำ ว่าแล้วแกก็เดินทางไปกับผม โชว์ตัว ไป
รอบๆใต้ฝั่งตะวันตก ไปที่บ้านบากัน กระบี่ ไปหานักเลงคนที่ยิงปืนไล่ผม แหะๆๆๆๆ พี่ไม่บอกผมนี่ว่าพี่เป็น
เพื่อนกะพี่เหลือง พี่เหลืองหวัดดีคร้าบ พะเหลืองบอกเอ้ย นี่น้องตู เอ็งอำนวยความสะดวกให้เค้าด้วย

ทริปอวสานของผู้นำเข้าปลาทู
จุดไคลแม็กซ์ลางร้ายผมเริ่มจากทริปนี้แหละ
เพื่อนผมจัดแจงซื้อปลา พี่เหลืองแกช่วยผมซื้อปลาที่ย่านภูเก็ต และที่ทับละมุง แถวซึนามิ น้านแหละ แช่ฟรีซเสร็จ
สับ จัดแจงติดต่อรถห้องเย็นเรียบร้อย กลับกทม พอรถวิ่งมาระหว่างทางผมขับรถผมคุมรถห้องเย็นมาด้วย ฝนตก
หนักมากในคราวนั้นพอเลยชุมพรมาหน่อย รถติดมากไม่ขยับเลย มันเกิดอะไรหว่า

จอดนิ่งสนิทเลยครับ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ฝนก็ตกรถก็ติด หิวก็หิว ทำไงดีละ เปิดวิทยุท้องถิ่นฟัง อ้ายหยาเค้า
บอกว่าฝนตกหนักให้ระวังน้ำป่า ทางขาด แล้วอาจมีดินถล่มด้วย ขอย้อนนิดนึงปกติผมเป็นคนไม่ชอบฟังวิทยุ
ท้องถิ่นมันร้องแต่เพลงไทยนะ ผมชอบเพลงฝาหรั่งเลยเปิดเทปเอา ร้องจนไมเคิลแจ๊คสัน เจ็บคอทีเดียว

ขยับนิดนึงแหะโชคดีวุ๊ยเรา หนอยขยับสัก 500 เมตร แค่นั้นเองมันอะไรของมันหว่า นาฬิกาข้อมือติ้กต้อกบอก
เวลาบ่ายสอง แล้วนี่เราจะถึงกทม เมื่อไหร่ละเนี่ย พวกที่นัดเอาปลาไม่บรรลัยหมดหรือ ว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์
โทรบอกว่าบางทีเราอาจไปสายเดี๋ยวค่อยโทรบอกอีกครั้งนึง แกรกๆๆ แกรกๆ เงียบจากเครื่องโทรศัพท์ มันอะไร
กันเนี่ย กดอีก แกร้กๆๆ แกรก บรรลัยซิ โทรศัพท์ไม่มีสัญญาน

ผมติดตรงนั้นยัน 2 ทุ่มไปไหนไม่ได้ สักพักคนรถห้องเย็นมาบอกว่า พี่ๆน้ำมันใกล้หมดแล้ว เดี๋ยวตู้เย็นไม่เย็นนะ
พี่ทำไงดี ซื้อน้ำมันได้ไหมผมถามดู โดยลืมไปว่าถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ จะให้ไปซื้ออย่างไรดีละพี่ พี่เห็น
ป่าวเราไปไหนไม่ได้ ทำไงดีละ เอาละซิซวยแล้วเรา

เอางี้เอ็งไปดับเครื่องรถไป เหลือแต่เครื่องทำความเย็นพอ มันพอคงประทังไปได้สัก 4 ชม ผมบอกเค้าไปอย่างนั้น
แล้วพวกเอ็งมานั่งในรถข้า เราดับเครื่องไม่ได้เพราะฝนตกหนักต้องติดเครื่องเปิดแอร์ คราวนี้ฟังวิทยุอีก ในวิทยุ
บอกว่าทางขาดที่บางสะพาน เหตุการณ์เลวร้ายมาเยือนตูจริงๆละเนี่ย เมื่อไหร่มันจะออกหัวออกก้อยวะ ขาดนานอย่างนี้
ปลาเราไม่Shipหายหมดหรือ ผมรีบถามคนรถว่าถ้าน้ำมันหมด รถคงความเย็นได้นานเท่าไหร่ ได้คำตอบว่ามันอยู่
ได้ 12 ชม เฮ้อโล่งอก ยื้อเวลาได้อีกหน่อยวุ๊ย ผมได้แต่สวดอ้อนวอนพระเจ้าผม ว่าให้เค้าซ่อมทางเร็วๆ

รอแล้วก็รอจนตีหนึ่งกว่าๆ คนรถบอกว่า พี่น้ำมันเครื่องทำความเย็นเกลี้ยงเลย เอาละสิ ผมเริ่มคิดต่อ แล้วถ้าซ่อม
ทางเสร็จรถจะเอาน้ำมันที่ไหนวิ่งละเนี่ย ผมเลยจำเป็นต้องดับเครื่องรถ เอาผ้าใบในท้ายกระบะออกมา มาขึงทับ
หลังคาไฟเบอร์รถปิคอัพผม แล้วใช้เชือกรั้งเอาไว้กันน้ำฝนเข้ารถ เราทุกคนย้ายมานั่งในกระบะแทน เปิดหน้าต่าง
ออก โชคดีที่ผมซื้อขนมของฝากที่จะไปให้คนทางบ้าน เราก็ขนออกมากินกัน ประทังชีวิต ผมนะไม่เท่าไหร่
เพราะผมเป็นอิสลาม ฝึกการถือศีลอดทุกปี เรื่องแค่นี้ชิวๆๆ

เรารอกันจนข้ามวันข้ามคืน พอ 9 โมงเช้าได้ข่าวจากวิทยุว่า ทางการได้ส่งช่างมาทำสะพานแบริ่ง สะพานแบริ่งคือ
สะพานเหล็กใช้ชั่วคราวในเวลาสงคราม ขอบคุณพระเจ้า การซ่อมสะพานยังคงดำเนินต่อไป ผมก็รอแล้วรออีก
จนบ่ายสองก็ยังไม่เสร็จ ผมเข้าใจนะว่าซ่อมงานกลางฝนลำบากแค่ไหน เนื่องจากก่อนมาเป็นพ่อค้าปลาทูบ้านผม
และผมเคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ถ้าถามว่าขนาดไหนละงานก่อสร้างของผม ก็เอาเป็นว่า ช.การช่าง มาขอ
งานป๊ะป๋า ผมทำละกัน

ผมนึกในใจว่า อายุการคีบโดยไม่ใช้เครื่องทำความเย็นอยู่ได้ 12 ชม นี่เลยมา 1 ช.ม.มา แล้วเรากว่าจะถึงกทม อีกี่
ช.ม. รถติดขนาดนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า 12 ช.ม. แน่ๆๆ เหงื่อที่ฝ่ามือเริ่มออกมาแระ สมองคิดอย่างหนัก พอบ่าย 5 โมง
เย็น วิทยุบอกว่าสะพานซ่อมเสร็จแล้ว โย่วโย่ว โชคดีจัง พอ 6โมงกว่าๆรถเริ่มขยับ กระดืบ กระดืบ ผมมาถึงกทม.
ก็ 10 โมงเช้าของอีกวัน ก็เปิดตู้ออกดูปลา......

กล่องปลาล้มระเนระนาด เนื่องจากปลามันละลายกล่องบุบบิบบู้บี้หมด เปิดออกมาปลาตาแดงเลย ผมไม่กล้าโทร
บอกลูกค้าของผมให้มารับปลา บอกว่าเที่ยวนี้มีปัญหา ผมไม่สามารถจำหน่ายให้ได้งานนี้ผมรับผิดชอบ เองผมคืน
เงินมัดจำค่าปลาให้ลูกค้า เสร็จแล้วทำไงดีละกับปลาตั้งสิบตัน ทำไงดีละพี่น้อง

ปลาทูเค็มไงครับ ว่าแล้วไปขนสมุน ที่ติดยา แต่ตอนนี้ไม่ติดยาแระ นายจิม..จับมาเลิกสูบเลิกค้า หากีฬาให้เล่นหา
งานให้ทำ เดี๋ยวนอกเรื่องไว้คุยทีหลังเรื่องนายจิม กิจกรรมเพื่อสังคม ให้สมุนมาช่วยลำเลียงปลาออกมา ควักไส้
ออก ละลายน้ำเกลือขนานใหญ่ ผมใช้ถัง 200 ลิตรมาผ่าปากออก เอามา 10 ใบ ควักไส้ปลาล้างน้ำสะอาด เอาแช่ใน
น้ำเกลือ สูตร 60% ของน้ำหนักปลา แต่ๆๆๆๆ... ตรงนี้ละคือความโง่ของผมเองเนื่องจากอาชีพเราขายปลานึ่ง ดัน
มาทำปลาเค็ม

มาสรุปเหตุการณ์เลวร้าย
1 คือ รถทางขาด
2 คือ เราไม่รู้เรื่องการทำปลาเค็ม เหตุการณ์เลวร้าย 3 กำลังตามมา
3 คืออะไร ฟ้ามันครึ้มนะพี่น้องไม่มีแดด ผมเลยต้องเพิ่มเกลือลงไปอีก 10% แช่ ครั้งละ ครึ่ง ช.ม. เอาออกมาผึ่ง
แดด จริงๆแดดไม่ค่อยมี ประมาณได้ว่าผึ่งลมซะละมากกว่า

กว่าจะงัดปลาออกมาตากแดด เนื้อที่ที่จำกัดอีก ปลาออกอาการเลยครับ เสียครึ่ง ใช้ได้ครึ่งนึง ใช้เวลาทำกัน 10 ชม
เห็นจะได้ เหลือปลาที่เป็นปลาเค็มสามารถขายท้องตลาดได้ ประมาณ 40% เท่านั้น ปลาเค็มเมื่อตากแดดแล้ว
น้ำหนักจะลดไป ประมาณ 70% ปลา 10ตัน เหลือปลาเค็ม 3 ตัน แล้วดันมาใช้ได้แค่ครึ่งเดียว คือตันครึ่ง
ผมตากอยู่ สามแดด ที่บอกว่าโง่ตอนทำปลาเค็มเพราะว่า... ผมดันไปแคะไส้มันออก ทั่วไปเค้างัดเฉพาะเหงือก
ออก น้ำหนักปลาเลยหายไปมาก แหม....ด้วยความปรารถนาดีอยากให้ลูกค้าได้ทานของดีๆสะอาดๆนะ

พอเอาเหงือกออก ทำให้ผมได้ปลาแค่ตันกะนิดนึงเอง ขายหรือต้องรีบขาย พอรีบขายโดนกดราคา สาเหตุที่รีบขาย
เพราะเราไม่ได้มีอาชีพขายของแห้ง ขายทิ้งๆไป โลละ 30บาท กำไรงามเจงๆๆนายจิม รู้งี้แต่แรก...ทิ้งปลาทั้งหมด
ก็ดี แต่อย่าว่าทิ้งปลาไม่เกิดประโยชน์อันใดมาแปรรูปให้คนอื่นกิน ยังได้ตังค์ ได้บุญด้วย พักโคดสะนาแป๊ป เดี๋ยว
มาบอกว่าเหตุการณ์เลวร้าย 4 คืออะไร


เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เหตุการณ์เลวร้าย ข้อ 4 เหรอ หลังจากง่วนกับการเคลียร์เรื่องปลาเค็ม วิ่งขึ้นล่องใต้บ่อยๆ ทำให้ผมเหินห่างครอบครัว ภรรยาผม
ที่ขายของที่แผงและพาพี่น้องเมียมาช่วยขายตลาดนัด กำไรงามเลยพี่น้อง เราดูแลไม่ถึงอิอิ ไม่เชื่ออาจารย์ดร.ยาซีน
มูตู นักขายมือทองผมเป็นศิษย์เอกของแก แกบอกว่า "กิจการไหนก็แล้วแต่ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงสู้ไม่ทำดีกว่า" และอีก
ประโยคหนึ่งของแก "ถ้าเรามีโปรดัคชั่นหลายตัวให้ควบรวมซะ ไม่งั้นรั่วไหลมากมายจนถึงขั้นยุบกิจการทีเดียว"
ผมละเมิดกฎข้อนี้ไง มันก็เลยรั่ว ส่วนภรรยานั้น พื้นเพเดิมเค้ายากจนมากไม่เคยมีทองแม้แต่เท่าหนวดกุ้ง พอมามี
รายได้หลักแสน ก็ซื้อทองเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ทีเดียว ผมนั้นเตือนแล้วว่าอย่าเป็นเสี่ย.. เว่อร์.. มันอันตราย มีหรือ
ภรรยาจะฟัง ภรรยาเปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ใช่ไหมพี่น้อง เงินทองทุกบาททุกสตางค์ ผมเข้าบัญชีเค้าหมด เพราะ
สถานะผมติดบูโร จากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เลยไม่อยากเอาเงินใส่ บัญชี กฎหมายก็งี่เง่า ถ้าเอาเงินไปปลด กว่าจะ
ลบออกต้องใช้เวลา สองปี ถึงปลด กฎหมายนี้ใครตราหว่า

ภรรยาผมไม่ฟัง ยังคงใส่ทองอย่างงั้น ช่างมัน อยากบ้าให้มันบ้าไป ผมนึกในใจ ผมก็ค้าขายของผมไปไม่ได้เฉลียว
ใจอะไรสักอย่าง และแล้ววันหนึ่งผมกลับจากล่องปลา เชื่อไหมพี่น้องผมกลับบ้านล้มทั้งยืน บ้านผมนั้นขาว
สะอาด ผมหาตัวภรรยาไม่พบ ไปไหนหว่า ลูกกลับจากโรงเรียนหาแม่ไม่เจอ ร้องไห้กระจองอแง เกิดอะไรขึ้นกับ
เราละเนี่ย

ลูกร้องไห้หาแม่ หาแม่ สมองผมมึนชาไปหมด ผมสงสารลูก ลูกสาวผมเรียนเก่ง ช่วยขายปลาทูด้วย อายุเค้าตอน
นั้นสัก 7 ขวบเห็นจะได้ ผมไปถามคนแถวตลาด เค้าบอกว่าเห็นแฟนผมมาเปิดแผงช่วงเช้า พอเที่ยงก็ปิดแผง ไป
ไหนไม่รู้ ผมพยายามซัก แต่ไม่ได้อะไร ผมสต๊อปงานขายปลาทั้งหมดโทรไป ยกเลิก ผมทำมาค้าขายเพื่อ
ครอบครัว เงินหมดหาใหม่ได้ ครอบครัวพังหาใหม่ไม่ได้ตอนนั้นมันสับสนไปหมด ผมเป็น Family man
ตั้งเป้าหมายในชีวิตเสมอมา เวลามัน Fail เลยหนักมาก

พี่น้องครับสมองผมมันปิดสวิท ไปเลย กอดลูก แล้วโอ๋เค้า ปลอบเค้า ทั้งน้ำตา

ผมมาคิดได้เราจะบ้าบออย่างงี้ได้ไง ในตอนดึก ลูกต้องเรียนหนังสือ ใครจะรับส่งลูก ใครจะหาข้าวให้ลูกกิน ผม
ไม่โทรบอกพี่น้อง กลัวว่าเค้าตกใจ เรื่องทุกข์ไม่อยากให้พี่น้องฟัง เรื่องสุขเราให้เค้าฟัง พ่อแม่เลี้ยงเรามาก็เหนื่อย
มากพอแล้ว ใยให้เค้าต้องมารับรู้ปัญหาของเราด้วย

วันรุ่งขึ้นผมไปตลาดแต่เช้าเพื่อหาอะไรให้ลูกกิน ปรับทุกข์กับแผงเนื้อข้างๆผมให้ฟัง เรื่องปัญหาของลูก เพื่อน
ข้างแผงเค้าบอกว่าเอาอย่างนี้ดิ เบื้องต้น เช้าพี่ส่งลูกเสร็จ เย็นไม่ต้องห่วงให้สามล้อถีบรับลูกจากโรงเรียนมาอยู่กับ
หนูที่แผงนี่ ลืมบอกไป ลูกสาวผมเรียนโรงเรียนจีน ซอยวัดสนามตรงกันข้ามกับตลาดปากเกร็ด นี่ละเพื่อนๆอานิ
สงค์ ของผมในการแจกปลาทูให้เพื่อนในตลาดได้กินฟรี ผมไม่เคยแบกปลากลับบ้านทั้งเหลือ หรือแกล้งเหลือผม
แจกหมด อย่าใจแคบครับพี่น้อง วันนึงสิ่งนั้นจะหันกลับมาตอบแทนเรา เอาเป็นว่าปัญหาเรื่องลูกหมดไปเปลาะนึง
ยุทธการสืบหาเมียเริ่มขึ้นแล้ว

ผมกลับห้องเริ่มค้นหาสมุดเงินฝาก ปรากฎว่าอันตรธานหายไป ผมลองเอา เอทีเอ็ม ผมไปกดดูปรากฎว่ามีเงินแค่ 2
แสน เงินเป็นล้านไม่เหลือเลย ปกติผมจะให้เมียโอนเข้าเป็นคราวๆ เวลาต้องการใช้เงิน ผมรีบกลับไปที่ตลาด เริ่ม
สืบจากคนในตลาดก่อน และเลยมาที่หน้าตลาดว่ามีไรผิดปกติหรือไม่ ทุกคนส่ายหน้า แต่แววตานั้นเหมือนมีไร
ซ่อนอยู่ ผมไม่ลดละความพยายาม ภาษาอังกฤษ บอกว่า we have to try and try ผมจำคำสอน จากบราเดอร์ฝรั่ง
ตอนที่เรียนอัสสัมชัญ

และแล้วผมก็ ได้เบาะแสจากแม่ค้าคนหนึ่ง แม่ค้าผักเจ้าใหญ่ เค้าบอกว่ามีลูกค้าคนหนึ่งมาซื้อบ่อยมากเป็นตำรวจ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจที่ไหนท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ย อ้อ ลืมบอกไปเมียผมอดีตนางนพมาศ เชียวนะ สวยมาก แต่เค้า
บ้าทอง ใส่มันทั้งตัว นิ้วมือ 20 นิ้วไม่เว้นว่างั้นเถอะ ได้การละ สมองเริ่มคิดจังไรแล้วผม ผมไปหลังตลาดไปหา
สามล้อถีบและพวกติดยาหลังตลาด พวกติดยากับพวกสามล้อถีบพวกนี้ไม่กล้ากับผมเพราะกินปลาทูฟรีจากผม
ประจำผมให้นะ

เฮ้ยพวกเอ็งมีใครเห็นเมียข้าบ้างวะ วงแตกเลยพี่น้องมันหลบตากันเป็นแถวๆๆ ไอ้อู้ด..เอ็งนะขาใหญ่ใช่ไหม บอก
ข้ามาอ้ายนี่ปั้ดเหนี่ยวเลย ได้การละมันรู้แหะไอ้นี่ มันบอกว่า พี่ ผมเห็นเมียพี่เค้านั่งซ้อนท้ายตำรวจ วันที่เมียพี่หาย
นั่นแหละ มันบอกรูปร่างลักษณะเสร็จ ตรงกับที่แม่ค้าผักคนนั้นบอก ผมไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมีย พี่อย่าเอาผมไปยุ่ง
นะ เออข้ารู้ พวกเอ็งไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ ผมงี้ขาสั่นสมองชา..ตรึบมือกำหมัดแน่น แต่ทำท่าเป็นทองไม่รู้
ร้อนไม่ อยากเสียฟอร์มกับสมุน

ผมรีบเดินขึ้นโรงพักปากเกร็ดเลย ตอนนั้นโรงพักย้ายจากหลังตลาดไปที่แถวสวนสมเด็จใกล้สะพานนวลฉวี ไป
หา สารวัตรแมน ซี้กัน ไปสอบถามรูปพรรณตำรวจ ปรากฎว่าไม่มี สารวัตรบอกว่าให้ผมช่วยตามหาให้ไหม ผม
บอกว่าไม่เป็นไรครับเรื่องในครอบครัว

ผมรีบกลับมาบ้านต่อจิ้กซอร์ ฟันธงได้ทันทีว่าเมียผมหนีตามตำรวจแน่ๆ ผมนั่งบ้าอย่างนั้น 2 คืนสองวันไม่กินไม่
นอน กอดลูกร้องไห้กับลูก และแล้วก็มีจดหมายมาที่ห้อง เมียผมเขียนมาว่า ปล่อยเค้าไปเถอะ เค้าเจอคนที่ถูกใจ
และดูแลเค้าได้แล้ว

มือผมสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม มองหน้าลูก สงสารเค้าทำไงดีละกับชีวิตเรา ลูกผมมองตาผมใสๆเหมือนจะ
ถามว่าจดหมายใคร จดหมายแม่หรือเปล่า ผมไม่ตอบกอดลูกไว้แน่นเอามือลูบหัวเค้า แล้วบอกเค้าว่า "เรามีกันสอง
คนนะลูก ต่อแต่นี้เราต้องรักกันมากๆ ป๋าจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้หนู" พี่น้องขออนุญาต พักก่อนนะครับระหว่าง
เขียนนี้น้ำตาผมก็ซึมแล้วครับ

ผมนิ่งไปสักพักใหญ่ ..... ลูกผมเค้าก็ไม่เข้าใจความหมายที่ผมบอก คงเซ้าซี้อย่างนั้นเรื่องแม่เค้า ผมไม่พูดบอก
อะไรทั้งนั้น ผมมานั่งไตร่ตรองดูเรา ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูก ความหวังมีได้หมดได้ เราสร้างมันใหม่ซิ เราไม่ได้ทำ
เพื่อใคร หรือเพื่อตนเอง เราต้องสู้ สู้ โว้ยนายจิม หลังจากพาลูกกินข้าวอาบน้ำ กกลูกนอน

ผมเริ่มมีสติมากขึ้น โทรหาลูกค้าทั้งหมด บอกว่าตอนนี้ผมไม่มีสมองทำอะไรบอกเค้าทั้งหมดผมไม่อายที่จะบอก
ใครเพื่อเป็นอุทาหรณ์ของชีวิต ผมบอกว่าขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เป็นลูกค้าที่ดีเสมอมา ตอนนี้ผมมันสติรั่วไปแล้วคง
ไม่มีสมองมาทำอะไรอีก เดี๋ยวผมบริการไม่ได้ จะเสียทั้งเมีย เสียทั้งเพื่อนและลูกค้า ผมลืมบอกไปสไตล์ผมชอบ
พูดเรื่องจริง คนรอบข้างเค้าจะได้จัดการชีวิตเค้าได้ถูก

พวกพี่คงต้องช่วยเหลือตัวเองละครับ คงต้องกลับไปหาซื้อปลาที่มหาชัยกันครับ ผมขอโทษด้วยจริงๆอาการผม
ดีกว่านี้จะมาบริการให้ใหม่นะครับ
ผมนอนคิดอยู่อีก ทั้งคืนคืนนั้น ว่าเราต้องการเมียเรากลับหรือไม่ ถ้าเราเอากลับมา เราต้องเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย
แต่ถ้าไม่เอากลับละ ไม่มีคำตอบครับ มองลูกที่หลับข้างๆ

เราทำเพื่อใคร
และแล้วผมก็ได้คำตอบว่า....ผมต้องตามแม่เค้ากลับ เราทำเพื่อลูกใช่ไหม เราจะไปแคร์อะไรกับคำว่าศักด์ศรี
ลูกผู้ชาย ลูกผมต้องไม่เป็นเด็กกำพร้า ลูกผมต้องการไออุ่นจากแม่ของเค้า เรื่องของตัวเรามันจิ๊บจ้อยนัก เมื่อเทียบ
กับความรู้สึกลูก

วันรุ่งขึ้นผมไปลาครูที่โรงเรียนลูกวันนั้นวันพฤหัสผมจำได้แม่นยำ บอกว่าลาสักสองวันนะครับ ว่าแล้วผมก็
กระเตงลูกขับรถไปบ้านแม่เค้าที่บุรีรัมย์ ไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ถามหาไม่เจอ ผมไม่โง่นะ ก่อนเข้าหมู่บ้านผมลอง
สีบเลียบๆเคียงร้านค้าแถวนั้นก่อน ปรากฎว่าไร้วี่แวว

แม่ยายพ่อตาถามว่าเอ็งมีปัญหากันหรอ ผมตอบว่าครับนิดหน่อย แต่ผมไม่พูดอะไรให้รู้ เออ เดี๋ยวมันมาข้าฯจะส่ง
ข่าวให้ แห้วสิเรา ผมก็ขับรถกลับ ตระเวนหาตามบ้านเพื่อนเค้าจนเหนื่อยใจ ลูกก็เหนื่อยไม่มีใครได้ข่าว จนวัน
อาทิตย์นั่นแหละผมถึงกลับมาบ้านเพื่อเตรียมการให้ลูกไปโรงเรียน ตัวผมเองนะหรือข้าวปลาไม่กิน ตาโบ๋

วันรุ่งขึ้นผมเอาลูกไปโรงเรียนอีก กลางวันวิ่งตามหาไปทั่ว ไม่มีวี่แววใดๆ สมองผมนะหรืออะไรก็ได้วิธีไหนก็ ได้
หมดเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อเอาตัวเมียกลับมา

เริ่มคิดแระถึงไสยศาสตร์ อ๊ะได้การเริ่มเลย ตำหนักไหนดี ค่าทำเท่าไหร่ให้เรียกกลับ อูยพี่น้องผมหมดไปเหยียบ
แสน 7 วันล่อไปสักสิบตำหนักเห็นจะได้ แต่ละที่ 7 พัน บ้าง 8พัน บ้าง หมดตูดเลย พอครบอาทิตย์ ก็ยังไม่กลับ นี่
แหละอุทาหรณ์ อย่าเชื่อพวกทรงเจ้าเข้าผี

ครบอาทิตย์ผมเริ่มล้า ผมมองหน้าลูก สงสารเค้า เอาลูกอาบน้ำนอน ผมคิดอะไรอยู่ ความคิดผมมันสับสนวุ่นวาย
ไปหมด ตอนนั้นบ่ายวันอาทิตย์ ผมเคยด่าคนที่ฆ่าตัวตายนะโง่ ตอนนี้เริ่มรู้แล้ว มันมีคำสั่งซ้ำๆ กันในสมอง ในหู
ว่า เราตั้งความหวังไว้มากมายผ่านร้อนผ่าหนาวมาเยอะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มันซ้ำๆๆกันในสมอง อย่าอยู่เลย
ซ้ำๆๆกันเป็นพันๆเที่ยวในรูหู เหมือนพรายกระชิบ ลูกผมนอนหลับข้างๆ นอนคุดคู้มองเค้าน้ำตาผมไหลอาบแก้ม

ผมหันไปมองปืนคู่ชีพผม 11 มม จับมันมาลูบแล้วลูบอีก และแล้วผมค่อยๆยกมันมาจ่อที่ขมับตนเอง
ลูกจ๋า ป๋าลาก่อน ป๋า เป็นพ่อที่แย่ทำให้หนูต้องกำพร้าแม่ อยู่กับย่านะลูกนะ
ขอพักแป๊ปนะพี่น้องน้ำตาผมมันเริ่มไหลอีกแล้ว

ปัง......ปัง...

พระคุณแม่
ปัง........ปัง........เสียงเคาะประตู ดังขึ้น พร้อมมีเสียงตะโกน เรียก โบ้ โบ้....หูแตกไง เสียงแม่ผมครับ ผมตื่นจาก
ภวังค์ ผมวางปืนลง น้ำตาไหลพรากๆรีบไปเปิดประตูให้แม่เข้ามา

ผมก้มลงกราบเท้าแม่ ร้องไห้แต่ไม่มีเสียง น้ำตาไหลนองหน้า แม่ผมขอโทษ ผมเกือบทำอะไรโง่ๆๆ แม่มองหน้า
ผม แกก็คงรู้แกมองเห็นปืนที่วางไว้ที่หัวนอน แม่ย่อเข่าลงมากอดผมเอามือลูบหัว แกมีปัญหากันใช่ไหม อย่าคิด
อะไรโง่ๆ ลูกมันไม่มีแม่ แต่มันไม่มีแกไม่ได้ ลูกคือแก้วตาดวงใจของแก แกตั้งความหวังไว้มากมันก็เจ็บอย่างนี้
แหละ เอาเป็นบทเรียนนะลูกนะ ไป ไปล้างหน้าล้างตา ออกรถ เอาลูกไปด้วย ลงใต้กันขับไปเรื่อยๆ ไปกับแม่
แหละ แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับ

ผมทำตามอย่างที่แม่บอก จัดแจงเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ขับรถล่องใต้ทันใด ระหว่างทางแม่ก็ซักเรื่องราวยอะไรไป
ด้วย แม่บอกว่าวันนั้นไม่รู้เป็นอะไร แกอยากกินปลาทูนึ่งและคิดถึงหลาน แกเลยมาหาว่าจะเอาปลาทูติดมือกลับ
บ้านไปด้วย

แม่เริ่มสะกดจิต ผมละ อิอิ ลืมบอกไปแม่ผมแกเป็นครูมาก่อน ครูสมัยก่อนเค้าเรียนวิชาครูด้วย แม่บอกว่า เสีย
อะไรก็เสียไป ลูก..เงินทองช่างหัวมัน หมดได้หาใหม่ได้ เค้าเอาไปถือว่าเค้าให้ลูกที่ประเสริฐกับแกมา คนเรานะ
ลูก อย่าให้ตาย อย่าให้ติดคุก คนติดคุกคิดได้ทำไม่ได้ คนตายคิดไม่ได้ทำไม่ได้ จำไว้นะ

ความทุกข์หรือเป็นเช่นไร หันหน้าเข้าหามันแล้วลูกอ้าปากว้างๆหัวเราะดังๆ แล้วบอกมันว่า ไอ้หน้าความทุกข์แก
ไม่มีวันชนะฉันได้หรอก 5555

(ตอนนี้ลูกสาวผม 18 ครับ เค้าเตรียมเอ็นทรานซ์ คะแนนจีพีเอสวยมาก 5 พันกว่าคะแนนแล้ว เข้าจุฬาฯ ได้สบาย
เค้าต้องการเข้า จุฬาฯ เพราะว่าเค้าบอกว่าจะไปเปลี่ยนทัศนะคติคนในนั้น เรื่องแบ่งวรรณการศึกษา ดูมันคิดดิอ้าย
ลูกคนนี้)

ผมตระเวนที่ใต้ยันโกลก เข้าตามป่าตามเขาไปสงบสติอารมย์ ได้สัก 3วัน ไม่อยู่แหะยิ่งบ้าขึ้น มันร้อนในอกไป
หมดแหะ ขับรถกลับกทม ระหว่างทางแม่บอกประโยคนึงทำให้ผมมีสติมากขึ้น ว่า

ตอนนี้นะถ้าแม่มีเงินสัก 10 ล้าน กองให้แกแล้วซื้อความสุขให้แกได้แม่จะทำ แต่มันเปล่าประโยชน์ถ้าแกไม่รู้จักสู้
กับมัน สู้ให้ได้นะลูก ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจแก แกชนะคนทั้งโลก แกทะนงตนเองเก่ง แล้วเป็นไง แม้กระทั่งใจแกเอง
ยังแพ้เลย อย่างนี้จะเรียกว่าแกชนะได้อย่างไร

ผมขับรถไป ปาดน้ำตาไป ประโยคนี้เองทำให้ผมมีสติ กลับถึงกทม แม่ครับผมฝากลูกไว้ด้วย แม่ถามว่าแล้วแกจะ
ไปไหน ผมตอบว่าผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะหันหน้าสู้กับมัน ไอ้หน้าความทุกข์นี่แหละอย่างที่แม่บอก

คืนนั้นแม่ไม่กลับบ้านค้างกับผมแม่คงเป็นห่วงผมทำอะไรบ้าๆอีก ผมนอนหลับได้แหะ วันรุ่งขึ้นรีบไปลาคุณครู
เอาลูกออกจากโรงเรียน เอาแม่และลูกไปฝากที่โรงเรียนแถวบ้านแม่ แล้วผมนอนค้างที่บ้านแม่คืนนึง ระหว่างนั้น
ในใจเราคิดว่าเราต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน และแล้วผมก็ ได้คำตอบ

ข้างบ้านแม่ผมเค้าซื้อแท็กซี่แจกให้ลูกๆเค้าคนละคัน ขับทำมาหากิน ผมได้คิดแระ ขับแท็กซี่ดีไหมเรา เช้ามืดมิรอ
ช้า รีบไปคุยกับเค้าว่ารายได้เท่าไหร่ ขับเป็นอย่างไร ลูกค้าเป็นคนแบบไหน สไตล์พ่อค้าเริ่มอีกแระ

ได้ความมาว่าเค้าขับหลับๆตื่นๆได้เงินวันละ 1,600 - 1,700 บาท ผู้โดยสารมีหลายประเภท บางคนขึ้นมาก็บ่นๆๆ
เรื่องตนเอง บางคนคุยเรื่อยเปื่อย สมองผมเริ่มคิดแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องรายได้ ตอนนี้ผมต้องการเพื่อน ใครละที่จะ
เป็นกระโถนให้เราได้ ผู้โดยสารไงนายจิม ปิ้ง ๆๆมาในสมองทันใด

ผู้โดยสารบ่นมาเราบ่นไป เจอกันครั้งเดียว อิอิ ไม่ต้องแคร์ใครได้การแระนายจิม

น้านแหละคือจุดเริ่มต้นของคนขับแท็กซี่ของนายจิม ตอนต่อไปจะมาเล่าว่านายจิม จะผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้
หรือไม่โปรดติดตามชม นะครับ ใครอยากฟังยกมือขึ้น

อิอิ ติดตามชม วันพรุ่งนี้คร้าบ เสียใจด้วย เดี๋ยวเซ็งหมด เรื่องนี้สนุกมีซ่อนเงื่อนอีกเยอะแบบเพชรพระอุมาเชียว

จุดประสงค์ที่เขียนเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเพื่อเพิ่มกำลังใจในการสู้ชีวิต คนเราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ชอบ แต่เรา
ต้องทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราต้องทำ นั้นคือชีวิตผม

ถ้าเพื่อนๆท่านใดเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเรื่องราวที่ผมเขียนมาทั้งหมด ผมขอยกประโยชน์ ให้พี่น้องร่วมชาติทุก
ท่านช่วยกันนำพาซึ่งความสุขของคนในชาติทุกคนนะครับ อย่าให้ทุกข์เหมือนนายจิม

ตอนต่อไปมาดูกลยุทธ กันว่า คนขับ TAXI อย่างนายจิม มีวิธีเล่นกลอันใดบ้าง พี่น้องแท็กซี่ตามมาฟังได้เลยจะได้
นำไปประยุกตร์กับการขับ ทำอย่างไรให้มีเงินเข้ามากมาย อย่างไรไม่ต้องปุเลงๆรถเปล่าให้เมื่อย ทำอย่างไรจะเอา
วิธีการตลาดแบบการขายปลาทูมาประยุกต์กับการขับ TAXI และทำอย่างไรจะกลับไปเป็น อาเฮียจิม อย่างเดิมได้
อีกอันนี้สำคัญมั่กๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น