วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แนวคิดแทรคติคอย่างเอาจริงเอาจังของนายJIMBO ตอนที่20

ข้าวกล่อง Bulak Lak กับ นานาอาชีพ จาก ตากาล้อค ของ นาย JIMBO
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ก่อนอื่นขอความร่วมมือ เพื่อนๆที่ตามติดและสมาชิกช่วยไปคลิ้กโหวต กระทู้ในพันธ์ทิพย์กันหน่อยครับ เพื่อให้กระทู้คงอยู่ท่านผู้อื่นจะได้มีอ่านกัน การขอความร่วมมือกันคือสิ่งที่พิสูจน์ของความแกร่งของกลุ่ม การทำกิจกรรมต่างๆจำเป็นอย่างยิ่งถึงความสามัคคีในการนำพาทุกอย่างให้สำฤทธิ์เป้าหมาย มาเข้าเรื่องงานเขียนกันต่อครับ


หลังจากที่คุยกับอาเบลเรื่องข้าวกล่อง ผมทิ้งให้เค้าไปทำการบ้าน ผมไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะถือว่าการที่เราจะช่วยใคร คนคนนั้นต้องช่วยตนเองก่อนอันดับแรก มาถึงเรื่องพี่สาวผมที่คุยเรื่องการทำแพคเกจ ทัวร์ในภูเก็ต ซึ่งพี่สาวผมได้นั่งคุยกับกลุ่มของเอเบลเรื่องจัดทัวร์ และคุยถึงที่มาที่ไปการมาทำทัวร์ที่ภูเก็ต พี่สาวเล่าต่อว่า ตอนนี้ก็ลิ้งค์กับ พี่สาวอีกคนที่เชียงใหม่ ลืมบอกไป


พ่อ เค้าเสียตั้งแต่ 4-5 ขวบ ก็เลยเรียกป้าว่าแม่ พี่สาวสอลคนเปิดบริษัท ทัวร์ เหนือ คนใต้คน ส่วน พี่จิม..นะหรือ กิจการแรกตอนอายุ 22 ปี เปิดบริษัท ทัวร์ ที่กทม ตรง บ้านบาตร บางลำพูนะครับ เราทำเป็นลิ้งค์กัน


ได้ความว่ากลุ่มนั้นเค้าคุยเตลิดไปจนถึง การที่ให้นักร้อง ฟิลิปปินส์ บางคนทีอยากหาลำไพ่พิเศษ ได้มีรายได้ โดยการที่ นำเอาแพคเกจทัวร์ไปช่วยขายต่อ มีทั้งทัวร์ภูเก็ต ทัวร์เชียงใหม่ ทัวร์ย่านภาคกลาง ถามว่าอาวไม่มีกทม แล้วทำอย่างไร อิอิ บารมีพอมีอยู่ใช้ส่งต่อกันครับ ถามว่าทำไมใช้คนเหล่านี้เป็นคอนเนคชั่น ใช้คนฟิลิปปินส์นะดี เพราะ การที่เค้าออกมาหากินนอกบ้านนั้นหมายถึงการที่เค้ามีแรงกดดันอยู่แล้ว เป็นเบสเม้นท์ อยากที่จะขุดทอง อยากที่จะหาเงินและทำงานอีกอย่างใช้คนเหล่านี้ คนต่างชาต ให้เครดิตเราดีกว่าเสนอหน้าความเป็นคนไทย อย่างน้อยสุดคือ คนต่างชาต กล้าการันตีคุณภาพ ไม่ใช่พวกเดียวกันยกหางกันเอง


จากนั้นก็เลยเถิดมา คุยถึงเรื่อง พี่สาวผมไปจับกลุ่มบุตรหลานเพื่อนมาเรียนภาษาอังกฤษกัน โดยที่ให้เพื่อนฟิลิปปินส์เป็นคนสอนให้ หานักเรียนให้ได้สัก 10 คนก็พอแล้ว เก็บ ชม ละ 100 บาทต่อหัว ก็ได้สักพันนึง จ่ายค่าตัวกันที่ ชม ละ 500 บาท ที่เหลือเป็นส่วนที่เรามาจัดการ ค่าน้ำค่าไฟค่าดำเนินการกัน



พี่สาวผมไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบรับไปดำเนินการทันที บ้านผมนะ Alert ทั้งบ้าน อิอิ.... สต้อป เรื่องงาน มาเที่ยวไม่ใช่มาหาเรื่องปวดกบาล สั่งเช้คบิล ยื่นสัญญานมือไป เป็น วงๆรอบโตะ เพื่อนเอลี่บอกว่า ไปฟิลิปปินส์อย่าส่งสัญญานแบบนี้ผมถามว่าทำไมละ.....อาเบลบอกว่า หมายถึง One more set มาอีกชุดหนึ่งเหมือนเดิมทุกอย่าง

ผมถามต่อ แล้วให้ส่งสัญญาน อย่างไรละ เค้าบอกว่า ให้ เอามือสองมือประกบกัน โดยเอานิ้วชี้ สัมผัสนิ้วชี้อีกข้าง นิ้วแม่โป้ เช่นกัน แล้วลากออกยาว จะเป้นแงตั้งหรือแนวดิ่งก็ ได้ หมายถึงเก็บตังค์ ครับ อิอิ จำไว้เด้อ ผมคิดเตลิดไปว่า ถ้าแต่งงานกะสาวตากาล้อค ถ้าทำมือเป็นวงๆสงสัยเมียตบคว่ำแน่ๆ จะขอเมีย One more set …..


โม้ตรงนั้นได้ ประมาณ 4 ทุ่ม ไปแต้ดต่อ ที่ Timberhut เป็นผับชั้นดีของภูเก็ต มีคำกล่าวว่า มาภูเก็ตไม่ไป Timber เหมือนมาไม่ถึง พวกนักการเมือง ดาราถ้ามาภูเก็ตต้องมาสถิตย์ที่นี่


จอดรถปุ้บ....เด็กรับรถวิ่งมาเปิดประตูให้ หวัดดีครับพี่ อ้าว พี่......Rubia มาด้วย พี่สาวผมเองงะ พี่น้อง แน่มันรู้จักพี่ผมแหะ พี่พากิ้กมาด้วยหรอ พี่สาวผมเอามือเบริดกะโหลกมันทีนึง ไอ้นี่ น้องฉันเองวุ้ยส์ อิอิ ผมนึกในใจมันรู้จักพี่เราด้วยวุ้ยส์ สงสัยพี่เรา เที่ยวบ่อยแน่ๆเดวเอาไปฟ้องแม่ แบล้คเมลย์พี่สาว ดีก่าเนอะ


พอเปิดประตูเข้าไป ประตุ Timber อยู่ด้านซ้าย เวทีด้านขวามือ ของประตูด้านใน เท่ากับเวทีหันหลังชนกำแพงนะพี่น้อง พอเดินผ่านข้างเวทีเท่านั้น พวกนักร้อง และนักดนตรี พูดออกไมค์ว่า ยินดีต้อนรับสาวมั่น...พี่ Rubia อ้าวไอ้พวกนี้รู้จักพี่ตู ด้วย พี่สาวผมพยักหน้า เราทั้งกว้นเดินไปนังแหมะหน้าสตูล บาร์ ทิมเบอร์นั้นเป็นชั้นครึ่ง มีด้านบนเราสถิตย์ด้านล่างกันดีก่าแดนซ์กระจาย


พี่ผมโทรฯเรียกเพื่อนมาอีกหลายคน บอกว่าอีกครึ่ง ชม เพื่อนจะแห่กันมา...จะมาดูตัวน้องชายว่าหล่อขนาดไหน หุหุ พี่บอกว่าแกไมต้องตกใจ มีพ่อค้านักธุรกิจหลายคน ฉันไปโม้เรื่องแกให้ฟังเค้าอยากมาดูดิว่า น้องคนเหล็กเป็นเช่นไร พักเดียวมากัน 4 คน


หวัดดีครับพี่ Rubia นีไงน้องชั้น ชายสอง หญิงสองยกมือไหว้ผมปะหลกๆ ชาย 1 รับจ้างทำพวกโปรแกรมเมอร์ อีก 1 ชาย อาชีพประจำเป็นทหารน้ำ อาชีพพิเศษ ส่งอาหารกล่องให้คณะทัวร์งะ ส่วน สาวๆมะต้องเอ่ย แต่ก็เป้นคนทำงานแวดวงโรงแรม และการท่องเที่ยวนะครับ พี่ผมแนะนำผมเสร็จ พวกนั้นก็คุยกับผมเป็นพิธีเรื่องงานถามสารทุกข์สุขดิบกัน ขืนคุยมากกว่านั้นคอโป่งแน่ๆตระโกนกันแทบไม่ได้ยิน ครั้งแรกก็งี้แหละครับไม่ต้องคุยไรมากสร้างคอนเนคชั่นกันก่อน


นั่งที่นั้น 2 ชม เช็คบิล พี่ผมบอกว่าไปต่อกันอีกที่ นึง ก่อนกลับบ้านนอน เวลาเด็กเดินมาเช้คบิล ยื่นบิลให้ พี่สาวผมขยุกขยิก หาของในกระเป๋า ผมถามพี่ว่าหาบัตรเครดิตหรอ พี่สาวผมตอบว่าเปล่า หาปากกานะ ผมงง หาทำไม ยังไม่ทันอ้าปากพูด พี่สาว ผมก็เจอปากกา เอาปากกามาเซ้นต์ฉับลงในบิล แค่นี้เอง เออดี.....วุ้ยส์ หน้าพี่ผมเป็นบัตรเครดิต เจงวะ พี่ พี่ผมบอกว่า แกไปตกรถที่ไหนเมืองท่องเที่ยวทางใต้ โทรมาบอกฉันเดวจัดโรงแรม ให้นอน พร้อมค่าเดินทางต่อ อั้นแน่โอนเงินออนไลน์สะด้วย นพี่ มะช่าย ฉันโทรไปบอกเจ้าของโรงแรมหรือผ็จัดการเดวเค้ามาเรียกเก็บกะชั้นเองย่ะ ผมนึกในใจเสร้จโจร ให้พีออกตังค์ให้เข็ด หน้าใหญ่นัก


ออกจากที่นั้นเราไปต่อกันที่ Jamine เป็นผับฮาร์ดร้อค เปิดประตูเข้าไป เห้นนักร้องชายกำลังร้องพร้อมกระโดด เหมือนไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก ออกไมค์อีกหวัดดีพี่สาวผม พอช่วงเบรค นักร้องลงมา หวัดดีพี่ผมที่โตะ ชื่อว่า มล ร้องได้มันส์เจงๆ เต้นมะยักเหนือย ตอนหลังทราบว่าเข้า...กทม..แล้ว มาเป็นนักร้องแบคอัพให้ค่ายดังๆของเมืองไทย


แผล็บเดวเจ้าของผับโผล่มาทักทาย พี่สาวผม อั้นแน่ หล่อสะด้วย อายุประมาณ 50 ต้นๆ เป็นฝรั่ง พี่ผมบอกว่าไอ้ นี่เป็นอดีตนักบิน ชาวสวีเดน รวยอิอ่าย เป็นเจ้าของเกาะส่วนตัวแถวภูเก็ต แถมมีเรือยอร์จ มันมาจีบชั้นนะ ผมบอกไม่ไม่เอาละ พี่ผมบอกว่าชั้นไม่อยากเป็นนกน้อยในกรงทอง เที่ยวกันที่นั้นยันตีสอง ก็ลาเจ้าของผับกลับบ้านใครบ้านมัน ผมพาเอลี่ ส่ง โรงแรม ส่วนผมกับพี่สาวกลับบ้าน


เฮ้อเหนื่อยนะพี่น้องชีวิตนายจิม แต่สนุกสนาน เจอคนมากมาย เดวพรุ่งนี้เรามาดูกันว่า พี่จิม จะเก็บเกี่ยวประสานประโยชน์ได้อย่างไรจากเพื่อนๆรอบกายเอลี่ อาเบล และพี่สาว ผมนะครับ ข้อคิดวันนี้ จงรักษา Connection เอาไว้ ไม่ว่าจะรายเล็กรายใหญ่ วันข้างหน้า Push the man to the right job วันนี้ พี่จิม ขอบายก่อนต้องรีบ ไปนครสวรรค์ ไปหาลูกศิษย์ เจ้าของกิจการขนมโมจิ ไปทำเรืองราวอะไรที่ต่อยอดธุรกิจให้เค้าโครงการขนาดใหญ่เชียว แต่บอกตอนนี้ไม่ได้ครับ บ้าบาย จุฟฟฟ จ้วฟฟฟฟ

แนวคิดแทรคติคแบบเอาจริงเอาจังของนายJIMBOตอนที่ 19

ไปเที่ยวภูเก็ต กันดีกว่า กับ พี่JIMBO
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเตรียมพร้อมออกเดินทางเพื่อไปดูไซท์งานที่ภูเก็ต กำลังเตรียมเครืองมือ กริ้งๆๆๆๆเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น.....เดินทางปลอดภัยนะค่ะ ผมงี้งง เต็กเลย อ้ายหยา..มีการอวยพรก่อนการเดินทางอีก ไม่ได้ยินเสียงสาวมาอวยพรนานแระ มีแต่ป๋า ค่ะ ป๋า ขา เฮ้อ...หัวใจเรามันสีชมพูเลยนะเนี่ย

ผมวางแผนการเดินทางก่อนทุกครั้ง นิสัยผมทำอะไรชอบวางแผนก่อนเสมอ แผนการเดินทาง ออกจากหาดใหญ่ ตรงไปดูไซท์ ที่พัทลุงก่อน เลี้ยวซ้ายออกตรังไปเยี่ยมไซท์ ที่ตรัง ตรงไปกระบี่ พังงา ภูเก็ต ตามลำดับ ไล่แผนงานตามแผนที่ ไซท์กลางทางมีปัญหาหรือไม่ แวะตรวจดูไปในคราทีเดียว เราจะได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ มาครั้งหนึ่งไมสนุกเลย

ตั้งใจไปดูไซท์ที่การสื่อสารพัทลุงสะหน่อย เผอิญผ่านตรงแยกเข้าเมืองพัทลุง เค้ากำลังติดตั้งเสาต้นใหม่เลยแวบไปเยี่ยมสะหน่อย กำลังประกอบเสานะ ทำอย่างไรเราอยากรู้ว่าเสาต้นนั้นสูงเท่าไหร่ ผมถามเอลี่ ...เอลี่ตอบว่าเค้านับ สีเอา เสามันจะแดงขาว สลับกัน สีละ 6 เมตร นะนับไปเลย ว่ากี่ท่อนแล้วเอามาคูณกัน

ผมเลยเล่น 20 คำถามกับเอลี่ ว่า ถ้าเรานับแล้วมันตาลายงะนับไม่ถูกทำไงจะรู้ได้โยประมาณนะ เอลี่มันงง.....บอกว่าไม่รู้ดิ คิดไม่ออก เพื่อนๆครับ วิชาตรีโกนที่เรารียน พึ่งงัดมาใช้ตอนนี้แหละ เพราะฉะนั้นอย่าลืมสูตรตรีโกน นะครับมีประโยชน์ ผมแสดงให้ เอลี่ ดู วัดเงาเอาว่ายาวเท่าไหร่ แล้ววัดองศา ดวงอาทิตย์ขณะนั้น แล้วงัด วาย คอส แทน มาปัดฝุ่นงะ มันเลยถึงบางอ้อ มุมตกเท่ากับมุมสะท้อน สูตรตรีโกน นำมาประยุกตร์กับชีวิตประจำวันได้ครับ เพื่อนๆคงงง ว่ามันเกียวกับอะไร กะชีวิต ผมตอบให้ การที่เรากระทำอะไรไปกับใคร ผลมันจะเด้งมาหาเราเท่านั้น หรือถ้านำไปประยุกตร์กับการค้า เวลาต้องการความรวดเร้วในการคิดราคาทุน+ขาย นึกไม่ออกว่าจะคำนวนเช่นไร ให้ใช้มุมตกเท่ากับมุมสะท้อนทันที่ ซื้อมาเท่าไหร่ + ไป1 เท่า น้านแหละคือราคาขาย ไม่ขาดทุนแน่นอน

โอ้โห พี่จิม โหด บางคนอาจคิดแบบนั้น ไม่โหดหรอก ลองคิดดู ซื้อมา ต้องมีค่าขนส่ง ค่าโทรศัพท์ ค่ำดำเนิดการ กำไร อีก ค่าเหนื่อยตัวเรา ค่าความเสี่ยง ขายไม่ออกเงินจม ค่าเสียโอกาส ยุบยับ ไปหมด เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดแทน ดีลเลอร์ ดิสตริบอ้วเต้อรื ต้องบวกถึง 150%นู้นแหละ ถึงแมชชิ่งพ้อยต์ ไม่เข้าใจอีก ลองไปยืนกลางแดดสิ พระอาทิตย์มุม เตี้ยๆ เงาเราทอดยาวชิมิ ถ้ามุมสูงๆๆมากๆ เงาเราสั้นจุดจู๋

อ้าว..นอกเรื่องไปไกล ผมมองดูพวกที่กำลังประกอบเสาสักพัก ผมถามว่าพวกนี้ผู้รับเหมาหรอ เอลี่พยักหน้าว่าใช่ แล้วเค้าเหมาอย่างไร

เอลี่...ตอบว่า พวกงานคอนสตรัคชั่นก็เหมาก่อสร้างไซท์+ค่าตั้งเสา อีกชุดติดตั้งอุปกรณ์ อีกชุดหนึ่งเหมางานทำคอนฟิกร์ระบบ ถ่าทำไม่ทันพวกเรานะเสริม เข้าไป เซทอัพ และคอนฟิกร์ระบบ เงินดีไหม เอลี่...บอกว่าไม่รู้นะ ผมถามต่อว่า ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้เป้นความลับ

มันบอกว่าไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ก็ไม่รู้วุ้ยส์ ไม่ง้อ มีปังยาหาเองได้ ผมบอกดังนั้น เอลี่ บอกว่าอยากรู้ไปทำไม ผมบอกว่า ยูอยากได้เบนซื จาก ล้อตเตอรี่ หรือ จากการทำงานละ อยากได้ไม่ใช่หรือ เดว ปั้ดเหนี่ยวเลย มัน พยักหน้า ยูทำได้หรือ มันถาม ผมบอกว่า Follow me everything gonna be alright


ผมเดินไปหาผู้รับเหมาทันที พี่ๆเป็นไงบ้างครับ จับปูใส่กะด้งกับคนงาน ช่วงนี้งานขึ้นเสาแบบนี้ มีเยอะ ครับพี่ผู้รับเหมาตอบ งานขึ้นเยอะทำไม่ทันเลย

ผมเริ่มขุดบ่อล่อปลาต่อ ....เดือนนึงคงจ่ายค่าแรง+โอทีอ้วกเลยนะ เค้าหัวเราะ ค่าแรงผมงวดนึง 3-4 แสนบาทนะต้องจ่าย โอ้โหเยอะนะพี่ อย่างว่าผู้รับเหมาเก่งๆอย่างพี่ ไม่เกินความสามารถทำงานเร็ว ปั่นเงินเร็ว

เค้าหัวเราะหน้าบานเท่ากระด้ง ผมไม่รอช้าถามต่อเลย แล้วพี่รับไว้กี่ต้นละ เค้าบอกว่า ตอนนี้ติดตั้งมา 27 ไซท์แล้วในเดือนนี้ แล้วพี่รับของกับแรงเลยเปล่า เค้าตอบว่ารับแต่แรงอย่างเดียวนะ แล้วนี้เว้นต์ไว้กี่ไซท์ละเนี่ยะ เค้าบอกว่าไม่ได้เซ้นต์ อ้าว..ไหนเป็นแบบนั้น....ไม่มีแผนหรอ ว่าจะต้องทำที่ไหนบ้าง ผมชัก งองู สองตัว

เค้าบอกว่าต้องบี้ให้เร็ว เพื่อที่จะได้ยึดพื้นที่งานในไซท์ถัดไป เพราะเจ้าอื่นเตรียมยึดงานเช่นกัน ต้องทำงานแข่งกับเวลา ผมถามต่อว่า พี่ครับคนงานพี่มีกี่คนละ เค้าบอกว่ามี 20 กว่าคน ผมเริ่มคำนวนในหัว เพื่อหาราคารับเหมา สตพ อิอิ

เหอๆคิดอย่างไรหรือครับ มะยากส์ เดือนนี้ 27 คนงาน 20กว่าคน ผมให้คนละ หมื่นเลย เดือนนึง 270000 + โอทีอีก 50% ประมาณ 4 แสนบาท/เดือน ที่ต้องจ่ายลูกน้อง ผมดูงานกะด้วยสายตาไซท์ นึง 7 วัน โยกคนเอา ทำได้ 4 รอบ อย่างมากที่เหลือราคาคุย 27 ไซท์

สันดานผู้รับเหมานะ เหมือนกันหมด อย่างมากไม่เกิน 15 ไซท์/เดือน เอาค่าแรงทั้งหมดตั้งเลย 4 แสนบาท หารด้วย 15 ไซท์ จะเป็นค่าแรงทุน 3 หมื่น/ไซท์โดยประมาณค่าบริหารการจัดการ น่าจะ 50% ไซท์ เป็น 45000บาท/ไซท์ +กำไรอีกสัก50 % ประมาณสัก 7 หมื่นบาท/ไซท์ ผมถามเค้าต่อว่าแล้วตั้งเสานี้รวมด้วยเปล่าในงานรับเหมา เค้าตอบว่า ตามสัญญารวมด้วยแต่แยกเป็นพิเศษ เพราะแบบเสาและความสูงไม่เท่ากัน อิอิ เราได้ราคาโดยที่ไม่ต้องถาม แล้วเราจะ สตพ ได้ เช่นไร ไม่ถามตอนนี้หรอกเสียฟอร์ม

ได้ตัวเลขในใจแระว่ารับเหมาก่อสร้างต่อไซท์ ได้ตังค์ประมาณ 7 หมื่นบาท นี่คือสิ่งที่ผมคำนวนคร่าวๆในสมอง เพื่อนคงถามผมว่า พี่จิม ไมไม่ถามตรงๆไปเลย โอวโนว...ครับเอะอะไรถามไม่ใช้สมอง เดวสมองพี่มันจะทื่อ เอา ผมชอบลับสมองประจำทุกวันนี้ยังไม่ยอมใช้เครืองคิดเลขเลย ใช้บวกสดเอานะ สนุกดีออก

ผมเขยื้อนก้นออกจากๆไซท์ นั้นไปทำคอนฟิกร์ต่อ ที่ไซท์การสื่อสาร พัทลุง นะครับ ระหว่างทำงานง่วนกับคอมพิวเตอร์ และสายเคเบิ้ลเป็นพันๆเส้นๆ เหนื่อยเจงๆ

เสียงกริ้งๆ.....โทรศัพท์ดังขึ้นอีกแระ ทานข้าวยังค่ะใกล้เที่ยงแล้ว เสียงใสๆ ผมยิ้มแก้มปริ ป้าดจะยิ้มไมละ ยังมะเป็นแควนกันสักหน่อย ยังเลยครับ ทานข้าวนะดูแลตนเองมั่งไม่ใช่ดูแต่เสามือถือเพลินจนลืมทานข้าว ขอบคุณครับ ผมนึกในใจเราไม่เคยได้ยินประโยคแบบนี้มานานแระ

พี่จิม....ลองฟังเพลงนะกำลังซ้อมร้องเพลง คืนนี้กะร้องเพลงนี้นะ ผมถามว่าเพลงอะไรครับ สาวเจ้าตอบว่า I'm not a girl not yet a women ของบริทนี่เสปียร์นะ ว่าแล้วเค้าก้ร้องให้ผมฟัง จนจบ

อันนั้นไม่เท่าไหร่ มีอีกเพลงค่ะ Out of reach แหมๆเพลงนี้ เค้าบอกว่าตั้งใจร้องให้ผมฟังสะด้วย เฮ้อฟังจบ เล่นเอาผมเคลิ้มทีเดวเชว แหมๆสตรีเพศกับเรื่องหัวใจยามสุขมันก็โอเคเนอะพี่น้อง


ผมทานข้าวเสร็จ ออกจากไซท์พัทลุงตรงดิ่ว ไปเล้ย ตรัง ระหว่างทางผ่านเขาพับผ้า สวยมากครับ แต่ทางที่เราไปเขาพับผ้าไม่มีแล้วเค้าปิดเส้นทางให้เราวิ่งเลาะเขาไป ระหว่างทางมีงูตัวยาวบะเอ้บเลยวิ่งตัดหน้า วิ่งจากซ้ายไปขวา ผมงี้เบรคตัวโก่งเชว มีอะไรหรือป่าวหว่า

ผมเคยได้ยินชาวบ้านบกว่าถ้งูวิ่งตัดหน้ารถไม่ดี ...ช่างมันวุ้ยส์ อะไรจะเกิดให้มันเกิด วิ่งผ่านมาสักระยะนึง มีร้านค้าผมแวะซื้อยาเสพติด เลยเล่าให้ฟังเรื่องงู เค้าบอกว่า ถ้างูวิ่งตัดหน้ารถ ขวาไปซ้ายให้หยุดการเดินทาง จะมีอุบัติเหตุ แต่ถ้าซ้ายไปขวาโชคดีมีชัย งั้นเรารอดตัวแหะ จะโชคดีอะไรหว่า


ไปไซท์งานไล่ดะไปเรื่อยจนถึงภูเก็ต มีแผนงานว่าการติดตั้งบนยอดเขารัง ในวันรุ่งขึ้น ผมโทรหาพี่สาวที่เป้นเจ้าแม่ทัวร์ที่นั้นมา 30ปีแระ บอกว่าวันนี้จะไปหาที่บ้านขอซุกหัวนอนพร้อมกินข้าวหน่อย

ส่วน เอลี่ ผมไปส่งมันที่โรงแรม เอลี่ มันเกรงใจ เย็นนั้นเลยไปกินข้าวบ้านพี่สาวผม ผมพาเอลี่ไปด้วยครับ


กิจการข้าวกล่อง ตากาล้อค
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


พี่สาวผมทำกับข้าวเยอะแยะ ผมบอกว่าทำไมมันเยอะขนาดนี้ เค้าตอบว่า มีน้องๆที่ทำงานทัวร์มาทานด้วยหลายคน ผมพยักหน้าตอบรับ สักพักเดว อูยส์นกกระจอกแตกรังเชว มากัน 4 คนเป้นสาว 3 ชาย 1 คน มากินข้าวที่บ้านพี่สาวผม ผมนึกในใจสงสัยเป้นแขกพิเศษนะ ไม่ว่าไรกัน ไม่ติดใจ

พอทานเสร็จน้องๆเหล่านั้น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ล้างจานทำความสะอาด ผมบอกว่าไม่เป้นไรเดี๋ยวผมล้างให้ เป็นแขกมา เดวจัดให้ เค้าบอกว่าแขก อะไรกันมาทานประจำพี่ผมคือผู้มีพระคุณ อ้าว งง ไปอีกวุ้ยส์ เรา



ระหว่างทานข้าวกันไป ก็คุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันกับน้องๆเหล่านั้น ส่วน เอลี่ หรอ น้ำลายไหล มีน้องท่านหนึ่ง สวยมากๆมันเจาะแจะแต่คนนั้น

ส่วนเรื่องราวที่ทำให้ผมงองูสองตัว น้องเค้าเล่าว่า พี่ผมเค้าทำแบบนี้มาหลายรุ่นแล้ว ทำอย่างไรละ เพื่อนๆอาจถามต่อ

คือคนทำงานที่มาจากต่างถิ่นเดือนแรกไส้แห้ง เงินเดือนไม่ออก พี่สาวผมจะรับมาอยู่ที่บ้าน ทำกับข้าวให้ทาน จนสิ้นเดือน เงินเดือนออก มีปัญยาขยับขยายไปเช้าห้องก็ไป ไม่มีปัญญาไม่ว่ากัน ส่วนย้ายออกไปแล้วไม่อยู่ตัวก็มาทานข้าวที่นี้แหละ พี่สาว ผมเลี้ยง ฟรีๆ

น้องเค้าบอกว่า ตอนนี้ ทำงานเดือนที่สอง แล้ว เงินเดือนมะพอยาไส้ ต้องใช้หนี้ก่อน เลย ต้องเอาท้องมาฝากกับ พี่ สาว ของผมนะ ก่อนพวกหนูมานี่ก็มีรุ่นก่อนหน้านี้มาแบบนี้แหละ อ๋อ ผมพยักหน้า ผมหันไปถามว่าพี่สาวผมทำแบบนี้มากีปีแล้ว พี่ผมบอกว่าทำมา เกือบ 20 ปีแล้ว

ผมถามพี่ว่าทำไมทำตนเป็นมูลนิธิ อย่างนี้ พี่สาวผมบอกว่า นึกถึงตัวเค้าวันแรกที่เหยียบมาภูเก็ต มันลำบากมากๆ ไม่มีใครอุ้มชู ต้องกิน มาม่า มันทุกมื้อนะ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ชื่อพี่สาวผมถ้า บอกไป คนทั้งภูเก็ตรู้จักหมดละครับ



หลังจากทานข้าวเสร็จโม้กันพอควร ทุกคนมีมติว่าวันนี้เราจะออกไปแต้ด กันยกก้วน เอลี่เสนอว่า มันมีเพื่อนฟิลิปปินส์ ร้องเพลงที่ กะตะ กะรนเราจะไปฟังเพลงที่นั้นก่อน ว่าแล้วเอลี่ ก็ยกหูโทรฯ มันพูดภาษาตากาล้อคกันสักพัก แล้วหันมาบอกว่า Let's go

เรายกก้วนกันไปร้านอาหารที่ กะตะ กะรน ครานี้เป็นคนไทย 6 คน ฟิลิปินส์ เอลี่ 1 คน ที่ร้านอาหารมีก้วน ฟิลิปินส์ อีก 4 คน โอ้โหโตะเบ้อเหิ่ม พวกนั้น ร้องเพลงเสร็จก็เวียนกันมาแจม พวกฟิลิปปินส์ และเอลีเริ่มคุยกับพี่สาวผมเรื่องกิจการทัวร์ในไทย และการทำทัวร์ที่ภูเก็ต


พวกนั้นสนใจกิจการของพี่สาวผม และทึ่งเรื่องทำตนเหมือนมูลนิธิ ในภูเก็ต ถามแพคเกจกันยกใหญ่ อิอิ ผมนึกในใจ เดวเสร็จ พี่ตูแน่ พวกนี้ แหมพี่น้องกันทำไมมะรู้มุก


ผมก็คุยและถามพวกฟิลิปปินส์ว่า ในภูเก็ตมีร้านอาหารตากล้อค ไหม
เค้าบอกว่าไม่มี แล้วพวกคุณตกลงทำกับข้าวกันเองดิ พวกเค้าพยักหน้ากัน วกนั้นต่อว่า ในภูเก็ตมีฟลิปปินส์อยู่เยอะไหม พวกนั้นบอกว่าไม่เกินร้อย ผมถามเอลี่ ทำไม่ไม่เปิดร้านฟะ รวมกันดิเอาเงินมารวมกันเปิดร้าน ตากาล้อคไปเลย มันบอกว่ากลัวเจ้ง ผมทำหน้างง

มันตอบว่าอาหารตากาล้อค มันมีกระทิเยอะ ยูลองสังเกตุสาว ฟิลิปปินส์สิว่าแล้วมันก็ชี้ไปที่เพื่อน นักร้องหญิง ว่าหน้าสวย พุงเบ้อเร่อเลย หน้าสวยพุงใหญ่ หนอย ไอ้นี่หยาบคาย ว่าสาวได้ไง

พวกนั้นบอกต่อว่ามันเป้นอาหารจำเพาะกลุ่มเท่านั้นอะเปิดไม่ได้ไม่กล้าเสียงก็ไม่เปิดไม่ว่ากัน


ผู้ชนะมองปัญหาเป้นโอกาส ผู้แพ้มองปัญหาคืออุปสรรค

คติพจน์นายจิม....ครับพี่น้องเรื่องอะไรหยุดแค่นั้น ผมยิงต่อ ลืมบอกไปว่า นักร้องคนนี้ที่ผมคุยด้วย ชื่อ อาเบล ผมบอกไปว่าในเมื่อคนฟิลิปปินส์ในภูเก็ตไม่ถึงร้อย ทำข้าวกล่องไหม คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่มาจากเผ่าผีตองเหลือง ครับพี่น้อง กลางวันนอน กลางคืนร้องเพลง ไม่มีเวลทำกับข้าว หรือถ้าทำก็ ลกๆๆ จะต้องรีบตาเหลือกไปทำงาน ใช่ไหม

ครานี้พยักหน้าได้ ผมอธิบายต่อว่าข้าวกล่องคือ ทำกับข้าวฟิลิปปินส์ ใส่กล่องส่งให้เพื่อนๆที่อยู่ด้วยกัน อาเบลตอบว่าต่างคนก็ทำกับข้าวตนเองอยู่แล้วทำไมต้องซ้ำซ้อน



ผมบอกต่อว่า ยูลองคิดดูถ้าต่างคนต่างแยกทำ ค่าใช้จ่ายมันสูง พวกยูมาทำงานหาเงินเพื่อเก็บเงินใช่ไหม มันพยักหน้ากันอีก เอางี้ถ้ามันไม่สามารถทำเป็นธุรกิจได้ อย่างน้อยก็ช่วยพวกยูเซฟเงินในกระเป๋า จ่ายกับข้าวรวมกันสิ กินเหมือนกันทุกคน มันงง อีกแหะ ผมบอกว่ารวมกระเป๋ากัน

มันงงกันอีกแหะ.....เหนื่อยนะวุ้ยส์นั่งอธิบายเกท ช้าเจงๆ ผมนึกในใจ ผมบอกว่าในกลุ่มยู หาคนที่ทำอาหารแล้วอร่อย คัดตัวมาให้เค้าจ่ายกับข้าวแล้วทำมันหม้อใหญ่ๆแล้วไล่ส่งกัน ไม่ต้องเอาไปไกลหรอก

ตอนแรกก็จับกลุ่มร้องเพลง ใน ป่าตอง กะตะกรน ก่อน จะได้เซฟค่าใช้จ่าย เดลิเวอร์ลี่ โดยหารกันออกค่ากับข้าวเวลาไปจ่ายตลาด แล้วหมุนเอาระหว่างบ้านฟิลิปปินส์ อาทิตย์นี้ บ้านนี้ อาทิตย์หน้าบ้านท่านอื่น แค่นี้ ก็เซฟได้มากโข หมุนกันส่งรับของจ้างมอร์ไซค์ หรือคนฟิลิปปินส์ด้วยกันขี่รถมอร์ไซค์ส่งอาหารนะ

แต่อย่าลืม ใสแบรนด์ตนเองไปด้วยข้างกล่องเพื่ออะไร งง ใช่ไหม พี่น้องในเมื่อมันเป็นของแชร์กันออกทำไมต้องมีแบรนด์ ผมอธิบายให้ฟังว่า เริ่มต้นคือการรวมทุน แนวคิดสองคือต่อยอดจากกลุ่มฟิลิปปินส์ไงครับ ระหว่างยูเอาไปส่ง อย่างน้อยเหลือซากโฟมให้เพื่อนในกลุ่มเอาไปทิ้งในถังขยะ ให้คนอื่นได้เห็นว่ามีอาหารฟิลิปปินส์ใน ภูเก็ต แล้วหัดให้เพื่อนคนไทยชิมด้วยละ อาหารไทยมีกระทิเช่นกัน

พวกนี้พยักหน้าตามผม ไม่รู้เหมือนกันมันจะวัฒนธรรมเดียวกันกับเราหรือไม่พยักหน้าส่งเดช

เอลี่ถามผมว่าจะใช้แบรนด์อะไรดี ผมนั่งนึก....ติ้กต้อก สายตาผมก็กวาดไปรอบห้อง อั้นแน่ เจอแระ ผมเจอกระถางต้นไม้ใส่ ดอกไม้ไว้สวยมาก ผมเลยถามเอลี่ ว่า ดอกไม้ภาษาตากาล้อคคืออะไร มันตอบว่า เค้าเรียกว่า สฟา BuLak Lak น้านแหละโดนเลย ยูและพวกไปนอนคิดนะว่าจะเอาชื่ออะไร เดวพรุ่งนี้ ไอมาใหม่มารอคำตอบ แต่ตอตนนี้ พี่จิม เวียนหัวอีกแระ ขอนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้มาเจอกันกัน บาย บาย จุฟฟฟ จ้วฟฟฟ




แนวคิดแทรคติคแบบเอาจริงเอาจังของนายJIMBO ตอน 18

*****************************************
พ่อ (ของ) JIMBO ……สอนลูก JIMBO…..สอนลูกตนเอง
*****************************************
วันนี้พี่จิม...งานเยอะมากเตรียมงานออร์กาไนซ์ Jimbo Fanclub ครับ มีงานทำ Memories on TV การทำ
บาร์ชารตให้ ทางร้านและฝ่ายแสงสีเสียง ต้องมานั่งไฮไลท์โปรเซส ใครแฮนเดิลอะไร เลยของดงานเขียนความ
แสบ..ของพี่จิมก่อง มาเขียนเรื่องจะว่าหนักก็หนัก จะว่าเบาก็เบานะครับ มะเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แน่นอน
ดั้ด ด้า ดี ด้า ดี ดา.....รักแท้มันคืออะไร ? อะอะ อันนี้แบบวัยรุ่น ถ้าแบบวันรุ่นแรกแง้มฝาโลง ก็ต้อง ใครหนอรัก
เราเท่าชีวี อ้าว ตบๆๆๆแมงโม้ ด่วน พี่น้อง

พี่จิม.....ไปเข้าเรียนเตรียมประถม สมัยก่อนไม่มีอนุบาลนะ เตรียมประถม คือ อนุบาล 3 เพื่อที่จะเข้า ป 1 พี่จิม มี
ปะป๋าที่ขับรถสุดเท่ห์ ปะป๋า ขับจากัวร์ XJ 4.8 ไปส่งให้เข้าเรียนที่โรงเรียนสุวกูล เด่ยวนี้กลายเป็นสารศาสตร์ ไป
แระ เป็นเครืออัสสัมชัญ เท่ห์อิอ่าย ปะป๋าควักตังค์มาจ่ายค่าเทอม 250 บาทในสมัยนั้น อิอิ เยอะนะครับ

แต่ความเท่ห์มันหมดไปหลังจากพี่จิมเรียนจบเตรียมประถม เข้าอัสสัมชัญธนบุรี จนถึงทุกระดับชั้น เชื่อหรือไม่ว่า
พ่อผมไม่เคยส่งผมไปโรงเรียนตั้งแต่วันนั้นที่ตอนเตรียมประถม เปิดเทอมทุกครา ต้องมีการมอบตัว ผมบอกปะป๋า
ว่า ป๋า ครูเค้าให้เอาผู้ปกครองไปด้วย

ปะป๋า..บอกว่าไม่ไป ถ้าไม่มีผู้ปกครองหรือไม่มีปัญญาหาผู้ปกครองไม่ต้องเรียน ไม่ว่ากิจกรรมใดๆพ่อไม่เคยไป
ผมนี้น้ำตาซึม พ่อบอกว่าอย่าสะเออะร้องไห้ ลูกผู้ชายร้องได้แม่ตาย กับลูกตายเท่านั้น กำลังใจหรอ อย่ามา
เรียกร้อง สร้างเองสิ พ่อพูดคำนี้เสมอเวลารู้สึกแย่ เป็นลุกผู้ชายอะไร แค่นี้มีลูกเมียจะพาครอบครัวรอดไหม

บินเดี่ยวครั้งแรกออกตลาดนั่งรถเมลย์ ป๋าไม่เคย ไกด์ให้เลย ป๋าบอกว่า ทางอยู่ที่ปากกับที่มือ ไปคิดเอง ไม่มีปัญญา
ให้มันหลงไปไม่ต้องกลับบ้าน ไปทำงานตามที่สั่งให้สำเร็จ

อายุครบ 17 -18 ไปทำบัตร ประชาชน ป๋าไปเป็นเพื่อนหน่อยสิครับ ไม่ไปไปจัดการเองเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ ไป
กราบตีนอำเภอนั้น

ตอนนั้นผมมีความรู้สึกไม่รัก ป๋าเลย ป๋า ไม่รักเราหรือ บางครั้งเสียใจ ตัดพ้อกับตนเอง

วันหนึ่ง ป๋า พาไปโอเดียน ไปร้านเพื่อน ป๋า บอกว่า ดูนั้นน้ำมันเครืองเลอะ ทำงานหนักไหม ผมพยักหน้า ป๋า บอก
ว่าถ้าแก อยากเป็นอย่างนี้ไม่ต้องเรียน ป๋า ไม่ขัดศรัทธา ถ้าอยากเรียนจะส่ง ถ้าไม่อยากเรียนเมือใดบอก ทันทีเลย ดู
ดู ป๋าผมสอนเดะ ผลักไสลูกจัง ไม่รักลูกเลยจริงๆ

เจ็บป่วยหรือ มาบอกป๋า..ป๋า บอกว่า ไม่ใช่หมอ บอกไปรักษาได้ไหม นู้น ไปหาหมอเองเลย ใจเสาะจริงๆ ลูกผู้ชาย
เกิดมาจับไม้ต้องแตก จับเหล็กต้องละลาย ไม่ได้เรื่องเลย น้าน ว่าเข้าไป

เรียนจบ ป๋า ฝากงานให้หน่อย ...ครับ ฉันให้ทรัพย์ทางปัญญามาแล้วจะให้ช่วยอะไรอีก เดินไปเลย บนถนน น้อค
ดอร์ เอา เฮ้อ.....พ่อ เราช่างไม่เหมือน พ่อชาวบ้านเลยผับผ่าสิ

ผมเดินหางานทำหมดรองเท้าไปคู่นึงเชว เหนื่อยจังครับ เคาะประตูจนมือระบม ยกมือไหว้ตั้งแต่ยาม แม่บ้าน ใคร
ก็ไม่รู้เป็นพันครั้ง

ทำงานได้สักพัก อยากเป็นเถ้าแก่เอง ป๋า...ป๋า.... ลงทุนให้หน่อยครับ แกบอกฉันด้วยปากจะรู้ไหมเนี่ย ไปเขียนมา
สมองฉันแก่แล้วไม่เกท น้าน ดูแก ซิ ป๋านะป๋า ช่างใจดำกับลูก เจงๆ เขียนมาเสร็จ เอามาให้ป๋าดู เอาไรเขียนละเนี่ย
อ่านไม่เข้าใจวุ้ยส์ ไปเขียนมาใหม่ สิ ผมเขียนอย่างงี้ 3 รอบ เอามาให้ดู ป๋าบอกว่า อืม ดี พัฒนามามากแล้ว
แล้วป๋า โอเค มั้ย ผมถาม ป๋าบอกว่า โอเคไรละ อ้าว ไหนเป็นอย่างนั้นเขียนจนตาปูด ก็ ผมจะขอให้ป๋าช่วยไง ช่วย
แล้วไง อ้าว งองู สองตัวเลยผม ไงครับ ป๋า..... ฉันบอกแกแล้วว่าฉันให้ทรัพย์ทางปัญญา จะเอาอะไรอีก ผมงี้โกรธ
ป๋ามากๆ ไม่รักลูก เลย ถ้าเราเป็นพ่อ คนเราจะไม่ทำแบบนี้

ป๋าบอกว่า แก เดินตามฉัน มาตั้งแต่ 7 ขวบ แค่นี้มองไม่ออกหรือ ไปนอนคิดเอา ฉันไม่ชอบมีลูกไม่ใช้สมอง
สมองส่วนกลางมีไม่ใช้ มันจะทื่อเอา ป๋า พูดแค่นั้นก็ไม่สนใจเดินหนี ปล่อยให้นายจิม..มึนตรึบ

ผมนอนคิดอยู่ 2 คืน กับคำพูด ของ ป๋า และแล้วก็นึกออก ป๋ามีเพื่อนนี่หว่า ผมคว้าเลยครับสิ่งที่ผมเขียนให้ ป๋าดู
ไปหาบรรดาเพื่อนๆ ป๋า ผมก็อปปี้ไว้หลายฉบับ เอาให้ อา ให้ ลุง คนนั้นพิจรณา บรรดาเพื่อน ป๋า บอกว่าขออ่าน
ดูก่อน อีก 2-3 วันมาขอคำตอบ ปรึกษากันก่อนว่าโอเคมั้ย

2-3 ต่อมา ผมไปเอาคำตอบ เพื่อน ป๋า คนนั้น ช่วย อันนี้ อีกคน ช่วยตรงนู้น ผมนึกในใจ คนอื่นยังช่วยเลย ป๋าเรา
ทำไมไม่ช่วยบ้างละ ป๋าไม่รักลูก คนอื่นรักเรานะ

จนผมทำงาน ล่วงเลย ไป สอง ปี ผมไปเล่าเรื่อง ป๋าใจร้าย ให้ เพื่อน ป๋า ฟัง เชื่อไหม เพื่อน ป๋า โกรธอย่างมาก ตบ
โตะลั่น แล้วบอกว่าอย่าพูดอย่างนั้น ลำพังหน้าเอ็งหรือจะให้เครดิต คนที่เอ็งควรจะรักมากๆนะ ป๋า ของแก ป๋าของ
แกให้อะไรแกมากมาย รวม ทั้งบอกกะพวกฉันว่า ช่วยๆหลานหน่อยนะ มันจะได้แกร่ง

ผมงี้ล้มทั้งยืน น้ำตาไหลพราก นี่หรือสิ่งที่เราคิดมาตลอด 20กว่าปี ว่าพ่อไม่รัก ขอบคุณมากนะครับ ป่า ผมรัก ป๋า
ที่สุดในโลก ทุกวันนี้ที่ผมมาได้ถึงขนาดนี้ เพราะ ป๋า สร้างความแกร่งให้ใขจผมเหมือนภูผา ป๋า ให้ความมั่นใจกับ
ลูก ตลอดเวลา แต่เรามองไม่เห้นเอง ผมรีบกลับบ้าน กอดป๋าแล้วร้องไห้ ขอโทษ ครับ ป๋า ป๋า บอกว่า ชีวิต คนเรา
ผิดได้เป็นพันครั้ง ป๋า เอง อายุขนาดนี้ยังพลาดเลย คิดใหม่นะลูก วิชาความรู้ที่ป๋าให้ งัดมันออกมาสู้เพื่อตัวแก เอง
และครอบครัวแกนะ

ปล. ขณะเขียนอยู่นี้ พี่จิม....น้ำตาคลอเบ้านะ เรานะ บาป มากๆที่เกลียด โกรธ บุพการี



แนวคิดแทรคติคอย่างเอาจริงเอาจังของนายJIMBO ตอนที่ 17

**********************************************
(14)Quando …Quando กับ ชีวิตตะลอนใต้ของ นาย JIMBO
**********************************************
เสียงนาฬิกาปลุก กริ๊ง......ตอน 22.30 น.สะดุ้งตื่น อ้ายหยา เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน น้ำยังไม่อาบ อะถอดก่อน แต่
ไม่ลืมเอาเศษเหรียญ เทลงใส่ขวด อิอิ แข่ง กะเอลี่ ว่าใครเต็มก่อนกัน เอลี่ เอลี่ Wake up ผมตะโกน เคาะประตู
ห้องมันเปิดผลั้ว หนอย ไอ้นี่ แต่งตัวเรียบร้อยโรงเรียนจีน ผมไม่วายเหลือบดูขวดเหรียญของมัน ค่อนนึงละ
หนอยๆจะแซงผมหรือไงเนี่ย ผมบอกมันว่าขอเวลา 15 นาที

จัดแจงอาบน้ำ อาบท่า เสร็จ เอาน้ำหอม แชลแนล No. 5 ฉีดสักหน่อย ได้เวลา เพลย์บอย สองหน่อ ออกไปแรด
กัน เรานัดเพื่อนจากบริษัทซีเมนต์ อีก 2 ท่าน ไปเจอที่ผับแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ ผับนี้เป็นผับเล่นเพลงลาติน....มัน
ก็หนีบของมันไปขวดนึง ผมก็หนีบของผมไปขวดนึง สปอนเซ่อร์ไง
เวลาผมไปร้านอาหาร ต่างจังหวัดผมชอบหันหลังเข้าหาเวที หันหน้าออกหน้าร้าน พี่น้องทราบไหมว่าทำไม ไม่
บอก ติ๊ก...ต๊อก... คิดเองมั่งเดะ นั้นคือสัญชาติญาณของผม ในการรักษาความปลอดภัยให้ตนเองและพวก ผมเคยมี
ประสบการณ์มาแล้ว ถ้ารายละเอียด ต้องตามอ่านอีกปีหน้านะ อิอิ.. นักดนตรี หนอยเปิดงานด้วยเพลง She’s
one สะด้วย เพลงโปรด เพลงนี้ ผมเรียกขำๆกับเพื่อนว่า เพลงฉีกทวาร เล่นได้แน่นดีครับมีแต่คนทำงานไม่เสียว
หัวเกิดเวลาเหยียบเท้ากันขึ้นมา

น้อง.......ผมเรียกเด็กเสริฟมา ขอปากกาหน่อยจิ ผมจดยิกๆๆ ขอเพลง เพลงอะไรเอ่ย Quando Quando ไง
เพลงนี้ แม่ของผมร้องให้ฟัง ตอนเด็กๆ ร้องหลังจากเพลง Whatever will be will be นะ เด็กเสริฟหายไป
พักนึง ผมได้ยินเสียงปากาดจาก นักร้องชายท่านหนึ่งบอกว่า พี่ครับ ผมร้องไม่ได้ครับเพลงมันเก่า แต่เบรคหน้ามี
นักร้องอีกท่านหนึ่งเดวผมจะถามให้ว่าร้องได้หรือเปล่า พอดีนักร้องท่านนั้น นั่งที่บาร์ ใกล้ได้ยิน บอกว่าหนูร้อง
ได้พี่ ผมก็ไม่สนใจอีก มาเฮ....กะเพื่อนๆ

พอถึงครานักร้องท่านนี้ ขึ้นร้อง ผมไม่ได้สนใจว่านักร้องชื่ออะไร หน้าผมก็ไม่มอง หันหลังให้เวที อิอิ ผมไม่ใช่
พวกตัวกินไก่นะ เซง ผู้หญิง เข็ดกับแม่ของลูกมาเยอะ คิดถึงแต่หน้าลูกอย่างเดว พอเริ่มร้องไปสัก สองท่อน อืม....
ร้องได้ดี ดนตรีเล่นแน่นสะด้วย นักร้องท่านนี้เสียงดีสะด้วย น้อง.....ผมเรียกเด็กเสริฟ อีก ขอเพลง Besame
moushour อั้นแน่ร้องได้อีก ทึ่งมาก เลย บอกเด็กเสริฟ เอาทิปไปให้ 200 บาท ผมก็ไม่มองหน้าอีก ผมติดใจ
เสียงงะ ไม่ได้ติดใจหน้าแต่อย่างใด

นั่งจนผับเลิก นักร้องมาที่โต๊ะมาขอบคุณ และแนะนำตนเองว่าชื่ออะไร นายจิมเก็กสุดฤทธิ์เช่นกัน มะสนใจ ผม
นัดเพื่อนๆกันต่อว่าพรุ่งนี้เราไปตะลอนที่อื่นกันใหม่นะ พรุ่งนี้ออกแต่หัวค่ำ ไปหาดินเน่อร์กัน เอาร้านที่ไม่ต้อง
หนวกหู จะได้คุยงานกันด้วย ส่วนวันนี้เหนื่อยแล้ว ขอไปนอนก่อน

วันรุ่งขึ้นก็ไปทำงานตามปกติ ตะลอนทั้งวันกลับมาคอนโด ก็นู่นแล้ว 6 โมงเย็น รีบเทเหรียญลงขวด เอลี่ ก็เท ผม
ก็เท แต่ตัวเลย นัดกะเพื่อนๆแล้วนะ ไปร้านชื่อ ร้านมะบอก เดวรู้อิอิ ร้านนี้ไฟสว่าง ดีบรรยากาศเหมาะคุยเรื่องงานกัน

แอ๊ด.....เสียงผมผลักประตูบานอลูมิเนียมเข้าไป ร้านนี้เป็นแนวขวางนะ เวทีและนักร้องอยู่ทางด้านขวามือ นักร้อง
หญิงท่านนึงกำลังร้องเพลง โดยมีอีเลคโทนตัวเดียวเอง นักร้องท่านนั้นยิ้มให้ผมกว้างเลยแต่ยิ้มให้ผมคนเดียว ผม
ไม่สนใจอีกพาเพื่อนเดินไปมุมซ้ายมือท้ายสุดของห้อง สั่งอาหารค่ำมากินกัน เริ่มคุยเรื่องงานวางแผนที่จะแบ่ง
พื้นที่กันซ่อมไซท์วิ่งตะลอนอย่างงี้ไม่สนุกแน่วันนึงขับรถ 4-500 กิโลเมตร

คุยสักพักเสียงเพลงหยุดลง พักเดียวนักร้องท่านนั้นเดินมาที่โต๊ะ มานั่งข้างๆผม ผมบอกว่าคุ้นๆหน้านะ ขอโทษนะ
ครับเคยเจอกันที่ไหนหรือครับ นักร้องยิ้มนิดหน่อย พร้อมเบะปากเหมือนแกล้งงอล ไม่ตอบ แต่เพื่อนผมที่อยู่
บริษัท ซีเมนต์ ตอบว่า พี่จิม พี่จำไม่ได้หรือ จำไรฟะ ผมถาม น้องเค้าร้องเพลงเมื่อคืนที่ผับลาติน ไงพี่

คนที่พี่ขอเพลงแล้วเค้าร้องให้พี่ฟังไง ผมพยักหน้า แล้วผมบอก นักร้องหญิงท่านนั้นว่า พี่จิม ขอโทษครับ
ส่วนมากไปนั่งร้านไหนผมชอบฟังเพลงไม่ได้สังเกตุอะไรมากมาย น้าน นายจิม ปากม๋าน แล้วซิ ปากม๋าน คือ
หมา + หวาน นักร้องตัดพ้อว่า แหมแฟมิลี่แมนจัง ผมยิ้มมะตอบไรไม่สนใจอีกหันมาคุยกับเพื่อนๆต่อ

นักร้องท่านนั้นคงงอลจริงๆ พี่หนูขอตัวนะคะ เดวร้องอีกเบรคแล้วหนูจะกลับเลยค่ะ ครับ พี่อย่างไรถ้าไม่ลืม คืนนี้
ขอเชิญที่ร้านเดิมนะครับ พี่จิม..บอกว่าครับแต่ไม่รับปากนะ มาหาดใหญ่ก็อยาก ไปหลายๆที่นะครับ และแล้ว
นักร้องก็จากไป ผมก็เม้าท์แตกเรื่องงานกันต่อ ออกจากร้านนั้นก็ปา ไป 3 ทุ่ม ไปตะลอนกันต่อ ไปเทควุ้ยส์พวก
พากันไปเทคเลยยกก๊วนไป โอ้โห วันรุ่นเพียบ พวกแด้นซ์กันกระจาย

เพื่อนๆมันสั่งเบียร์มาเหยือกนึงผมหรอ สั่ง น้ำแอปเปิ้ลมาดื่ม เหยือกปกติแระ ใส่หลอดมา 4 หลอด ผมงง ทำไม
ไม่ใส่แก้วละ สาวของเพื่อนมันนัดเจอในเทคแห่งนั้น บอกว่าเบียร์ฉบับพิเศษ ผมถามว่ามันพิเศษอย่างไร สาวเจ้า
ตอบว่า มันแพง เบียร์ปกติเหยือกละ 180 นี่เหยือกละ 700 บาท ทำไมมันแพงจังละผมถาม สาวเจ้าบอกว่าพี่ต้อง
ลองดื่ม ดื่มแล้วสนุกละ ม่ายอะผมส่ายหัว

สาวของเพื่อนยิ้มแล้วก้มลงดูด เบียร์ เพื่อนๆก็ดูดกันคนละจ้วบ สองจ้วบ เหยือกแรกผ่านไป เหยือกสองตามมา
จ้วบ...จ้วบ....แหมเพื่อนผมคงมาวสิท่า แด้นซ์สั่นหัวกันดิ๊กๆ ผมนึกในใจ ไอ้พวกนี้มันไปเอาท่าแด้นซ์อันใหม่มา
แด้นซ์กันไงหว่า ส่วนสาวๆ เขย่าหัวเอาผมปิดหน้าแบบ แบล้ค ซับบ้าท เลยเชว ป้าดเพลงก็ไม่ได้มันส์ขนาดนั้น
ไหง เขย่ากระจาย

ผมสถิตย์ที่เทคแห่งนั้นจนเที่ยงคืน กลับวุ้ยส์พรรคพวก ง่วงละผมบอกเพื่อนดังนั้น ไปต่อสิพี่แหมกำลังติดลม อ้าว
..ไปก็ไป อย่าติดลมนานละ ผมบอกเพื่อน ไปไหนต่อกันละ เพื่อนบอกว่าไปร้านลาติน ดีก่าพี่ ที่น้านมีข้าวต้ม ด้วย
เออดี ผมตอบ ว่าแล้วผมก็บึ่งรถ ไป ณ บัดดล ระหว่างทาง ผมสังเกตุเพื่อนในรถ อีกสองหน่อ กะ 1 สาว มันนั่ง
ส่ายหัวดิ้กๆๆๆ มันส่ายทำหอกไรหว่าเพลงในรถผมก็เป็นเพลงยุค 80-90 มันมันส์อะไรกันหว่า

มาถึงร้านลาติน เปิดประตูแอดดดดด.....ยังไม่ทันเดินเข้าหมดก้วน หนอยแน่นักร้องบนเวที ประกาศเลย ยินดี
ต้อนรับ พี่จิม คนไม่มีแฟน อ้าว ไอ้นี่สงสัยอยากได้ทิป มั๊ง ผมนึกในใจ

แล้วมันรู้ชื่อเราได้ไงหว่า ผมก็ใช้สูตรเดิม นั่งหันหลังหาเวที สักพัก ก็ได้ยินเสียงนักร้องหญิงท่านหนึ่งร้องเพลง
Kiss me เฮ้ย..เสียงคุ้นๆละพวก ผมถามเพื่อนแต่ก็ไม่หันไปมอง แหมพี่ก็นักร้องคนเมื่อคืน กับคนที่เจอตอน
หัวค่ำไง เออ ลืม ไปละ ผมตอบเพื่อน โทษทีละ


นักร้องคนนั้นก็มานั่งที่โต๊ะผมอีกละมานั่งข้างๆ ผม มาทักทายอีก ผมก็ตอบตามมารยาท ไม่สนใจไรอีก ผมก็โม้กะ
เพื่อนๆไปเรื่อย นักร้องนั้นนั่งสักพัก คงงอลผมมั๊ง ผมไม่ได้คุยด้วยมีแต่เพื่อนๆผมทักทายคุยด้วย ขอตัวไปทักทาย
ลูกค้าโต๊ะอื่น ผมพยักหน้ายิ้มหวานๆให้ทีนึงตามมารยาท ผมนั่งจนผับเลิกแล้ว เปิดไฟสว่าง เช็คบิลเสร็จหมดไป 4
พันก่านะ ระหว่างรอเงินทอน

พอเด็กเสริฟเอาเงินทอนมาให้ผม ในแผ่นพับเช็คบิล มีโน้ตเล็กๆ ใบนึง ว่าพรุ่งนี้โทรหานะค่ะ อยากทานข้าวด้วย
ตอนกลางวัน แล้วก็เบอร์โทร xxx-xxx-xxxx เด็กเสริฟย้ำ บอกว่าพี่นักร้องคนนั้น เค้าบอกว่าให้พี่โทรหาให้ได้
ถ้าพี่โทร พี่เค้าให้ตังค์หนู 100 นึงนะ ผมพยักหน้า อือ ได้ จร้า
วันรุ่งขึ้น กริ๊งๆ ผมโทรไปหาน้องนักร้องคนนั้นตอน 11.00 น. สวัสดีครับ สะดวกทานข้าวที่ไหนดีละ น้องเค้า
บอกว่า sizzler ค่ะพี่ ที่ลีการ์เด้น นะพี่นะ เจอกันกี่โมงดีละ น้องเค้าบอกว่า เที่ยงครึ่งละกันค่ะ ได้ครับเดียวเจอ
กัน เที่ยงวันตามนัดผมไปเจอน้องเค้า เราแนะนำตัวกัน ทานข้าวไป ชีวิตน้องเค้าน่าสนใจ อย่างไร

มาเล่าต่อกันนะครับ น้องเค้าเป็นม่าย ลูกสาว 1 คน อยู่กับพ่อ และน้องสาว น้องสาวก็เป็นเด็กเสริฟในร้านนั้น
แหละ คนที่ยื่นเบอร์โทรให้ผมนะครับ พ่อกับแม่แยกทางกัน

ตัวเค้าเองต้องตื่น 7 โมงเช้าเพื่อหาข้าว หาปลาให้พ่อทาน ทำกับข้าวเองสะด้วย 9 โมงเช้า เป็นดีเจจัดรายการวิทยุ
ขายสปอตท์ จัดรายการยันบ่าย 3 โมงเย็น มาเปิดท้ายขายของ ที่หลัง บขส หาดใหญ่ ขายจน 1 ทุ่ม กลับบ้านนอน
ตื่น 3 ทุ่มครึ่ง แต่งตัวมาร้องเพลงตอน 5 ทุ่ม จน ถึง ตี 1 กลับบ้านไปดูลูกต่อ

ผมทึ่งเลย น่ารักมากชีวิตคนกลางคืนที่ต้องดูแลทั้งลูกทั้งพ่อ ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ผมถามต่อว่า
สำเนียงทำไมพูดกลางชัดมากคงไม่ใช่คนที่นี้ เค้าตอบว่าใช่ หนูเป็นคน กทม ค่ะพี่ อยู่แถวรามอินทรานั้นแหละ
เรียนจบที่ ม.รังสิต

อ้าวมาเจอคนกทม. ด้วยกันสะแล้ว ผมถามว่าทำไมมาหากินตั้งไกล เค้าบอกว่า มากับสามี ทำงานด้วยกันนั่นแหละ
สามีทำงานบริษัทโฆษณา พอมาได้สักพักนึงสามีไปติดสาว แล้วเตลิดเลย ตนเองเลยต้องอยู่กับลูกปากกัดตีนถีบ
ว่างๆพี่ไปเยี่ยมที่แผงเปิดท้ายสิ หนูขายเสื้อผ้า มีแบรนด์ตนเองด้วย

น้องเค้ายิ้มบอกว่าอ๋อ... พี่ในเบียร์เหยือกนั้นเค้าผสมยานะพี่ ยาหัวส่าย หรือยาม่วง อ้าว แล้วทำไมต้องส่ายหัวด้วย
ผมถาม เค้าบอกว่า ยาหัวส่าย จริงคนเสพไม่ได้อยากส่ายหัวหรอก

แต่มันจะหนักหัว ต้องสะบัดๆ ถึงอาการดีขึ้น ทะนี้ถ้าอยู่เฉยๆมาสะบัดมันก็ตลกๆเลยเปิดเพลงดังๆ การส่ายถึง
หรอยนะพี่ แล้วที่พี่ไม่ดื่มแต่รู้สึกมึนหัวนะเพราะอะไร

เค้าบอกว่า เค้านิยมผสมยาพวกนี้ลงใน ฟร้อกกี้ แล้วฉีดใส่ช่องแอร์ เพื่อให้คนเที่ยวรู้สึกสนุกนะ พี่ อ้ายหยา มันเล่น
ขนาดนี้เชวนะ ว่าแล้วเราก็แยกกันตรงหน้าห้าง น้องเค้าดึงมือผมแล้วบอกว่า อย่าลืมเจอกันอีกนะพี่ โทรหาหนูได้
ตลอดเวลาค่ะพี่ ผมยิ้มให้แล้วบอกว่าครับ ความรู้สึกดีๆเริ่มมาแล้วละพี่น้อง

เย็นวันนั้นผมไปเดินตลาดเปิดท้าย ไปเดินหาซื้อของเผื่อมีอะไรต้องตาบ้าง ตลาดเบ้อเริ่มเลยครับ คนเอารถไปเปิด
ท้ายกันเป็นร้อยคันทีเดียว แล้วบนอาคารในร่มก็มีห้องเป็นแถวๆให้เช่าขายของ

ผมเดินเต๋ ไปมา อ้าว..มาเจออีกแระ หน้ามันเชียวเหมือนสาวมิสทีน บีบเหงื่อใส่ล้อจักรยานนะ ยืนขายของอยู่ง่วน
เชียว ผมทักทายเสร็จ น้องเค้ายิ้มให้ พร้อมเอามือปาดเหงื่อ น่ารักมากครับคนทำมาหากินผมชอบ ผมเลยเข้าไปยืน
ข้างๆตะโกนเอย ตบมือเรียกคนเอย ช่วยขายของให้นะ วิญญาณพ่อค้าตลาดนัดเข้าสิงนะ

ระหว่างที่ขาย ผมดูที่แบรนด์ที่น้องเค้าแปะอยู่ แบรนด์คุ้นๆตานะครับ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน อ้าวไม่
เป็นไร ช่วยน้องเค้าขายของดีกว่า ขายไปหยอกล้อกันไป สุขใจไปอีกอย่าง ไม่ได้เจอบรรยากาศแบบนี้นานแล้วนะ
นายจิม....หัวใจนายจิม..... นั้นชักสีชมพูระเรื่อแล้ว

ผมช่วยน้องเค้าขายของเสร็จ ก็ช่วยเก็บของใส่รถ น้องเค้าถามว่าพี่พักที่ไหน ผมบอกว่า พักที่คันทรี่โฮมนะ อ้อ
แล้วพี่อยู่กับใคร ผมบอกว่าอยู่กับบัดดี้ฟิลิปปินส์ อยู่กันสองหนุ่ม น้องเค้าถามว่าถ้าพี่อยู่ที่หาดใหญ่ แล้วไม่ได้ออน
ไซท์ ไปทานอะไรที่ไหน ผมบอกว่าเรื่อยเปื่อยนะส่วนใหญ่โทรสั่งข้างล่างให้เอามาส่ง แต่ไม่อร่อยผมบอกอย่าง
นั้น น้องเค้าบอกว่าเอางี้ถ้า วันไหนพี่อยู่ที่หาดใหญ่ไม่ได้ออนไซท์ เดี๋ยวเค้าใส่ปิ่นโตมาให้

เค้าทำอาหารภาคกลางนะ ตอนกลางวันต้องแวบมาทำกับข้าวให้พ่อทานก่อน แล้วจะใส่ปิ่นโตมาให้พี่ด้วย ผมบอก
ว่าจะดีหรือ เหมือนเอาท้องมาฝาก เค้าบอกว่าไม่เป็นไรหรอก คน กทม. มาก็เหมือนเค้าตอนมาใหม่ๆนึกถึงตัวเอง
นะ ผมเลยบอกเอางี้ ผมช่วยค่าอาหารปิ่นโตแล้วกันนะ เค้าพยักหน้าแล้วยิ้ม จร้า พี่

กริ๊ง...... เสียงโทรศัพท์ดัง ผมงัวเงียนึกว่าเอลี่มันคงไปเมามาอีกแน่ๆ ควานหาโทรศัพท์ ไม่ได้ดูว่าเบอร์อะไร Hi
what happened about you accident right? พี่จิม หนูเองค่ะ อ้าว...ขอโทษจร้า นึกว่าเอลี่นะ ผมแหงะดู
เวลาที่จอมือถือ บอกเวลา 1.30 น.มีอะไรให้พี่จิม ช่วยหรือ ป่าวค่ะพี่

หนูไปเล่าให้พ่อฟังเรื่องพี่ พ่อเลยทำอาหารฝากมานะ พี่สะดวกขับรถออกมาป่าวค่ะ ออกไปไหนไม่ได้หรอกวันนี้
ไม่มีรถ เอลี่ มันเอารถผมไปหาสาวนะ งั้นเดี๋ยวหนูเอาไปให้นะ ได้ครับ

อิอิ.....เพื่อนๆคิดลึกละสิ อย่าๆๆๆๆ สต้อป Negative thinking มะดีหรอก มันบาป

ผมจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวให้มิดชิดถึงเค้าจะเป็นนักร้อง แต่เค้าเป็นลูกมีพ่อมีแม่ มีลูกเป็นแม่ที่ดีของลูก ต้องระวัง
ความคิดคนอื่นเดี๋ยวจะมองเค้าไม่ดี

พี่จิม..มันสันดานเสียอย่างนึงถ้ารู้สึกดีกับใคร จะปกป้องเค้าทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี พี่จิม..แต่งตัวเสร็จ รีบลงลิฟท์จู๊ด
ลงมาข้างล่างทันใด มานั่งรอที่ฟร้อนท์ ไม่ถึง 5 นาที รถน้องเค้าก็เลี้ยวเข้ามา ผมเห็นแล้วละ แต่ทำเป็นเก็ก ไม่
สนใจ พอเค้าจอดรถได้ จูงมือเด็กผู้หญิงมาคนหนึ่ง เดินมาหาแล้วบอกว่าสวัสดีลุง .....นะลูก

ผมนึกในใจเป็นมวยเหมือนกันแหะ เอาลูกมาเป็นเกราะใช้ได้แหะ ผู้หญิงคนนี้ระวังตนพอสมควร ผมรับไหว้ บอก
ว่าทำไมทรมานลูกอย่างนี้ ตี 2 แล้วนะเด็กต้องพักผ่อน เค้าบอกว่าแวบเข้าบ้านก่อนไปเอาข้าวเปล่ามาด้วย เผื่อผม
หิวจะได้ทานเลย แล้วทานที่ไหนดีละผมนึกในใจ บนห้องเราก็ได้ เอาลูกมาเป็นเพื่อนคงไม่มีปัญหาหรอก

ขึ้นไปทานบนห้องของพี่ละกันนะ บนห้องเค้าจัดแจงอุ่นของทาน ส่วนลูกหรอหลับคร้อกๆ ที่เบาะโซฟานั่นแหละ
ผมดูทีท่าการจัดอาหารคล่องแคล่วดี เอาของใส่จานเสร็จมีเก็บกวาดทันใด เก็บซะเรี่ยมเลย อืม ใช้ได้แหะ

ระหว่างทานด้วยกันผมถามเค้าว่านึกอย่างไรบุกมาที่นี่ เดี๋ยวโดนพี่ปล้ำเอาว่าไง เค้าหัวเราะคิกๆ บอกว่าแหมพี่ ที่
หนูกล้ามานะ เพราะเดวเอลี่มันตามมานะ มะกี้เค้าไปที่ร้านพาสาวไปด้วยนี่ บอกว่าไปส่งสาวก่อนเดวตามมา หนูก็
ได้โอกาสแวบไปเอาข้าวเปล่าและหนีบลูกมาด้วยไง อีกอย่าง หนูรู้พี่ไม่กล้าปล้ำหรอก ขี้เก๊ก จะตาย อิอิ

พูดไม่ทันขาดคำหนอย เอลี่ เข้ามาแระแถมพยักคิ้วให้ ไอ้บ้าเอ๋ย มีการซุ่มไปสะอีก....เดวไม่มีแรงทำงานหรอก เอลี่
บอกว่าตามสบาย ไม่ขัดคอหรอก ป้าด ไอ้นี่มีฟามสุขมาถึงนอนเลยนะ ผมนึกในใจ ทานข้าวเสร็จ ถูบ้านให้อีกแหะ

อะไรหว่าเนี่ย แถมนั่งพับผ้าที่ผมหมกเอาไว้ อ้ายหยาผมงงแหะ กรูฝันไปป่าวเนี้ยะ เค้าบอกว่าหนุ่มโสด ก็อย่างนี้
ละ ซกมก แน่ว่าเราอีกแหะ ผมยิ้มแห้งๆ กว่าจะร่ำลากันได้ ปาไปตีสาม อีนังหนูลูกเค้าก็หลับไม่รู้เรื่องเลย ผมเลย
ต้องอุ้มลูกเค้ามาส่งที่รถ แล้วผมบอกว่าขอบคุณนะสำหรับความปราถนาดี

สาวเจ้าตอบมาว่าขอบคุณนะสำหรับความเป็นสุภาพบุรุษของผม พี่เดินทางปลอดภัยนะขับรถดีๆทางมันไกล อย่า
ขับเร็วมากละ จร้า ขอบคุณจร้า

ผมกลับขึ้นมาบนห้องนอนเอามือก่ายหน้าผากแล้วบอกตนเองว่า เรามาทำอะไรที่นี่ โชคชะตาเล่นตลกอะไรหรือ
ป่าวหว่าแทนที่จะได้เดินไปหาฝันผู้นำเข้าแกส แต่ดันโผล่ยันใต้มาเจอสาวเจ้าตามสเปคซะด้วย ใจเราอย่าเขวนะ
นายจิม....

ผู้หญิงมาที่ไหนพังที่นั้นเราไม่ใช่ มาร์คแอนโทนี่ ใจแข็งไว้ ทำงานดีกว่านะ นายจิม.......พรุ่งนี้มีงานไกลซะด้วย ว่า
แล้วนายจิม..ก็ คร้อกๆๆๆๆ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ ว่าผมไปเจออะไรที่ภูเก็ต บายครับสำหรับวันนี้

แนวคิดเทคนิคแบบเอาจริงเอาจังกับนายJIMBOVY ตอนที่ 16

***************************************
(13)ตะลอนภาคใต้...กับนาย JIMBO เพลิดเพลินอุรา
***************************************

วันรุ่งขึ้นเริ่มงานวันแรก ฐานะบัดดี้ ของ เอลี่ เราวางแผนดังนี้ แวะไซท์ที่เทพา จากนั้นตรงดิ่งเข้าไซท์ที่มีปัญหา ที่
ปัตตานี แล้ว ไปจบที่ อ.ยะหริ่ง อุปกรณ์หากิน ที่เตรียมไป ท้ายรถ มีตู้เบส ของโทรศัพท์มือถือ รูปร่างเหมือน
สเตอริโอแยกชิ้นตามบ้านนั่นแหละ ใช้เสียบเข้าไปทั้งเครื่องมีสล๊อตที่ตูด อัดไปปุ๊ปใช้ได้เลย ในรถผมมี สิบกว่าตัว

เอลี่....ราคาเท่าไหร่ต่อ1 ตัว มันบอกว่า 300,000 บาท ผมบอกมันว่าหายไปซวยเลย นี่แบกทรัพย์สิน 3 ล้านก่า
ในรถ นี่ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุไทยมุงมาเจอ เอาไปขายอย่างมากได้ 500 บาทต่อตัว แต่เราต้องมานั่งเก็กซิม ถึง 3 ล้าน
เอางี้ดีก่านะเอลี่ ผมบอกมันว่า.....เอาไว้ในรถสัก 1 เท่าตัวของจำนวนไซท์งานที่เราจะไปซ่อมดีก่าเนอะ เอลี่พยัก
หน้าบอกว่ากู๊ดไอเดีย ไม่หนักรถด้วย ไม่ต้องรับผิดชอบมาก

อุปกรณ์ต่อไป พวกเครืองมือช่าง อีเลคโทรนิคส์ ที่ขาดไม่ได้ เซฟตี้เบลท์ ที่ใช้ปีนเสานะ ผมเอามาตรวจดู อะใช้ได้
เราใช้อย่างดี ตรงขอสับเกี่ยวคล่องดีแข็งแรงไม่เหมือนของพวกปีนเสาไฟแรงสูง สนิมคลั่ก รัดแบบเซฟชั้นเดียว
เฮ้อ... คุณภาพชีวิต ช่างไทยช่างต่ำจริงๆ คุณภาพผิดกันมาก

ผมถามเอลีว่า เบลท์เส้นเท่าไหร่มันตอบว่า หมื่นกว่าบาท แล้วแบบของคนไทยใช้ละ อ๋อ ...มันหัวเราะบอกว่าพัน
กว่าบาท อย่างหรูแล้ว ปีนเสาบางที่สูง 60-70เมตร เค้าเรียกว่าเสาสกาย ที่เป็นเสาผอมๆคนปีนห้อยอยู่ข้างนอก
ส่วนเสาสีขาใหญ่ๆไม่เท่าไหร่ เค้าเรียกว่าเสาเซลฟ์ อันตราย แต่อุปกรณ์เซฟไลฟ์ กระจอกจริงๆ ผมนึกใจการ
ไฟฟ้ามันขึ้นค่าไฟดีจริงๆ แต่ ค่าคุณภาพชีวิตลดลงทุกวัน

Lap top ขาดไม่ได้ ทีมของเราใช้ ของ IBM รุ่นรถถัง ทนมือทนเท้าดีนัก เอาไว้ทำคอนฟิกซ์เบสมือถือ แล้วก็
โทรศัพท์มือถือ คนละสองเครื่อง ตอนนั้นผมกับ เอลี่ใช้ประจำคือค่าย เอไอเอส เพราะเราวางเบสให้เค้า ส่วน
เครื่องสำรองใช้ของดีแทค เพราะเวลาเราวางเบส หรือซ่อมไซท์ เอไอเอส เราไม่สามารถใช้สัญญาน เอไอเอส ได้
ต้องใช้ค่ายอื่นโทร อีกอย่างโทรศัพท์ที่ใช้ เราใช้โนเกีย กับโมโตเท่านั้น สมัยก่อนมีมีร จีพีเอส เราจะโหลด
โปรแกรมการจับสัญญาณเบสมือถือ ในละแวกใกล้เคียง มันจะบอกว่า ไป ซ้ายขวา ห่างกับเบส กี่ เมตร กี่กิโล มะ
ลืมอีกตัวคืออุปกรณ์หูฟังขาดไม่ได้ ไว้เสียบที่เบส ลองพูดและฟังดู ไอ้เจ้าหูฟังนี่แหละตัวดี อิอิ ดีอย่างไร เดวมา
เล่าให้ฟังคราหน้า

อุปกรณ์ครบ Let’s go ไปโลด มุ่งสู่เทพาเลยครับ ถึงไซท์ปุ๊บ เรามีกุญแจพวงเบ้อเริ่ม อ๋อ...กุญแจ เปิดตู้นะ เปิด
เข้าไป แอร์เย็นเจี๊ยบเลย ข้างในสะอาดนอนได้สบาย เข้าไปข้างในแล้วผมล๊อคประตูเพราะสถานการณ์ภาคใต้ไม่
ค่อยหน้าไว้วางใจสักเท่าไหร่

นั่งทำงานเซทระบบพักนึงผมบอกเอลี่ว่าจะออกไปเดินดูรอบๆเก็บข้อมูล ผมบอกให้มันล๊อคตู้ ถ้าผมมา จะโทรฯ
ไปหา มันบอกผมว่า ระวังตนเองด้วย ผมบอกว่าไม่ต้องห่วง ผมเอาตัวรอดได้ ยู นะดูแลตนเอง ถ้าไอ ไม่โทรให้
เปิดตู้อย่าเปิด ต่อให้ไฟไหม้ก็ตาม ยูอยู่กับไอ ไม่ต้องห่วง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไอรับรองความปลอดภัยให้

ผมออกไปเดินดูภายนอก เสายึดแข็งแรงดี รั้วใหญ่รอบมีกุญแจล๊อค แน่นหนา ข้อสำคัญวงจรปิด ขาดไม่ได้
ชาวบ้านที่ผ่านไปมามองเราเป็นตัวตลก มองแปลกๆ ถ้าเป็นหญิงผมทำเป็นมองไม่เห็น เดี๋ยวมีปัญหา ถ้าเป็นชาย
ผมยิ้มให้ แล้วตระโกนคำว่า อัซซาลามุอาลัยกุม กีกานอร์ เค้าก็ตอบกลับมาว่า ว่าอาลัยกุมมุซสลาม กาเละ

ผมแปลให้ฟังนะครับ อัซซาลามุอาลัยกุม หมายความว่า ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน กีกานอร์ มาจากรากศัพท์
เดิมของมาเลย์ กี มาจากคำว่า ปริกี แต่ภาษาพื้นเมืองเค้า พูดสั้นๆ นะครับ ประโยคเต็มคือ ปริกีมานอร์ แปลว่า ไป
มานอร์ แปลว่าที่ไหน รวม แปลว่า ไปไหนครับ สรุปว่า ผมทักทายเค้าแปลเป็นไทยว่า ขอความสันติสุขจงมีแด่
ท่าน ไปไหน ครับ

ส่วนที่เค้าตอบ ว่าอาลัยกุมมุซซาลาม เป็นภาษาอาหรับ ว่า แปลว่าและ แล้วคำว่า กาเละ มาจาก รากศัพท์มาเลย์
เช่นกัน คำว่า บาเละ แปลว่ากลับบ้าน สรุปเค้าตอบมมาว่า และขอให้ความสันติสุขจงกลับคืนแด่ท่านเช่นกัน กลับ
บ้าน จร้า อิอิ จร้านะภาษาไทยผมเติมเอง

บางคนผมทักเค้าก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าคนใต้ ที่นอกจากสามจังหวัดภาคใต้ จะใช้ภาษาไทยใต้ พูดทองแดง ไม่พูด
มาลายู ส่วนคนสามจังหวัดจะพูดมาลายูกับภาษาไทยกลางไม่พูดไทยใต้ เพราะฉะนั้นผมมาทักทาย อาหรับ เค้า
เข้าใจ แต่ทักทาย มาลายูจึงไม่เข้าใจ เทพา เป็นอำเภอหนึ่งของ สงขลานะครับ

อยู่ตรงนั้น ชม กว่า เอลี่มันทำคอนฟิกซ์ไป ผมทำงานมวลชนสัมพันธ์ไป ได้ผลแหะ ถามว่าได้ผลอย่างไร พอออก
จากไซท์ที่นั่น ผมพาเอลี่ ไปกินข้าว ไม่ใช่ร้านใหญ่โตอะไร ร้านแถวนั้นแหละร้านกระต๊อบชาวบ้าน ผมจอดรถ
พรืด ทันใด

กะนิ กะ...แปลว่าพี่สาว มีไรกินมั่งละ เค้าชี้ให้ดู ผมบอกว่าหิวจังเลยทำงานแถวนี้ดีเนอะ หาของกินมุสลิมง่าย ว่า
แล้วก็อัซซาลามุอาลัยกุม ต่อ คริ คริ ไม่ลืมครับ สร้างเกราะให้ตนเองก่อน

กะ...แกบอกว่ามาซะไกลเชียวมาทำอะไร ผมบอกว่าเป็นพนักงาน ของบริษัทฯ โทรศัพท์ นี้แหละ มาซ่อมเสานะ
กะแกพยักหน้า ผมยิ้มให้ แล้วบอกว่าอาหารน่ากินจัง ร้านเล็กๆแต่อุดมด้วยคุณภาพ ท่าทางหรอย จังฮู้ กะ แกตัก
แกงไป ยิ้มแก้มบานเท่ากระด้ง มาอยู่นี้นานไหม กะ แกถาม ผมบอกว่า ไม่รู้หรอกเอาแน่ไม่ได้ สงสัยหลักปีมั้ง ผม
ตอบ อย่างไรผมแวะมาแถวนี้ผมจะมาอุดหนุน กะ บ่อยๆๆไม่ต้องห่วง ว่าแล้วผมกะเอลีก็เขมือบข้าวกัน

เอลี่...มันถามผมว่าพูดอะไร ผมเล่าให้ฟัง มันพยักหน้าผมสอนมันว่า เกราะที่ดีของมนุษย์ยู จำไว้ 5 ข้อ ยูไปไหน
ทั่วโลกต่อให้ดินแดนสงครามด้วยยูจะปลอดภัย มันถามว่าอะไรหรือ
- หัวใจไง
- ยิ้มไงละ
- ยกมือสวัสดี หรือทักทายตามประเพณีท้องถิ่น
- ให้เกียรติเค้า รับฟังเค้า
- รู้จักการให้
ที่มันมีปัญหาเพราะเราคิดว่า เค้าบ้าน ป่าเมืองเถื่อน คิดว่าเค้าเป็นใครไม่รู้ เราหรูเริด คิดอย่างนั้น ตายสถานเดียว
ไม่มีใครเค้าอยากปกป้องยูหรอก เข้าใจ๋ เอลี่

หม่ำข้าวเสร็จไปต่อที่ไซท์หนองจิก แดนมีปังหา ผมเอาเอลี่ ปล่อยไว้ที่ไซท์ตามเดิม ล๊อคประตู ห้ามออกจนกว่าจะ
มีโทรศัพท์เข้ามา ผมเตรียมขนม นมเนย น้ำให้เอลี่พร้อม แล้วก็ชิ่ง......ชิ่ง ไปไหน ไปบ้านดองกันนะ อิอิ จาบอก
ให้แถวนั้นผมนะวิ่งเล่น ตอนปิดเทอม ปิดเทอมทีก็มาเที่ยว น้ำในคลองตุยง ผมโดดเล่นจนไอ้ตะโขง มันว่ายหนีไป
หมด

ผมไปหาข่าวว่าชาวบ้านจะติดใจกะต่างชาติหน้าอีสานหรือไม่ พี่จิม ...บอกให้ฟังว่า คนฟิลิปปินส์ เวลาเดิน ปนกะ
พี่น้องอีสานเราแยกไม่ออกทีเดวเชว ปรากฎว่าทุกคนโอเค แระ ทาง บอสัท ต้นสังกัดที่ฟิลิปปินส์ ส่งเงินมาช่วย
ญาติ ผู้เสียชีวิต ศพละ 2 แสน แล้วผมมาคอยดูแลเค้า ไปบ้านคนตาย ไปทักทายเค้านะ สบายไปเอลี่ งานนี้ บริษัท
เอเยนซี่ผมก็หน้าบานเท่ากระด้งเช่นกัน


ผมตะลอนไปทุกไซท์ผมก็ใช้วิธีนี้น้านแหละล้อมรั้ว ด้วยคน ด้วยหัวใจ ยึดหลัก 5 ประการ ผมทำอย่างนี้ได้ 7 วัน
ชาวบ้านเริ่มทราบแล้วว่า หลาน ตาแบลาห์บากอ มาสถิตย์ที่ภาคใต้ แบลาห์บากอ คือครายมีบทบาทสำคัญเช่นไร

คงต้องเล่าใน ปีหน้าอิอิ เพราะเป็นช่วงที่พี่จิม ....และครอบครัวทำงานเพื่อสังคม ประสานความเข้าใจ ปลุก
จิตสำนึกคนมุสลิมภาคใต้ให้รักในความเป็นชาติไทย ทำมานานมากกว่า 3 ชั่วคน วันหยุด วันนี้วันอาทิตย์ จริงๆก็
ไม่ใช่วันหยุด หรอก

ทำงานแบบผมไม่มีวันหยุดแล้วแต่สถานการณ์ ไม่มีงานนะ มากกว่า ผมบอกเอลี่ว่า จะพาไปรู้จักกับคนท้องที่
สัปดาห์ละสองหมู่บ้าน คนเหล่านี้เค้านับถือครอบครัวผมขนาดที่ว่าประกาศเลยว่า ถ้าผมและครอบครัวมีบาดแผล
จากคนที่นั่นทำร้าย แม้นรอยแมวข่วน มีสวย

ก่อนเดินทางผมชวนเอลี่ ไปซื้อผลไม้ ซื้อขนม เพื่อไปแจกเด็กๆตามหมู่บ้าน ซื้อฟุตบอล ที่ตลาดกิมหยง ซื้อไป
สามลูก ขนกันพะรุงพะรัง สนุกเจงๆ ที่แรกที่จะไป ไม่ซีเรียสอะไรมากมาย

หมู่บ้านสกอร์ม ที่มีปัญหาท่อแก๊สไทยมาเลย์ทุกวันนี้ บ้านญาติและเพื่อนกันตอนมันมาเรียน กทม มาอาศัยนอนที่
บ้านผม บ้านมันอยู่ริมชายหาด ตรงโค้งตัว S สาย ริมทะเล บ้านมันมีอาชีพรับซื้อน้ำยางกับประมง

เฮ้ย....ไอ้ ณี คิดถึงละเพื่อน ผมโดดกอดมัน ตบหลังผลั้วะ มันบอกว่าเมิงมาได้อย่างไรละ ผมก็เล่าเรื่องให้มันฟัง
มันพยักหน้าแล้วถามผมว่าอยู่อีกนานไหม ผมบอกไม่รู้แต่น่าจะนาน มันบอกว่าเออดี มรึงอยู่นานๆเดวข้าฯขอเมีย
ให้ ไอ้เปรตนี่มันชอบอย่างนี้แระ คนภาคใต้ ส่วนใหญ่รักผมและครอบครัวผม พยายามจะยกลูกสาวให้นะ เพราะ
ผมเคยไปช่วยเค้าพัฒนาในสมัยก่อนที่จะทำปลาทูอีก เค้าอยากให้ผมอยู่พัฒนาหมู่บ้านเค้านะ เลยคิดผูกด้วยการหา
เมียให้ อิอิ

ไอ้บ้า กรูมาทำงานไม่ได้มาหาเมียโว้ย ผมบอกมัน แล้วผมก็แนะนำเอลี่ให้มันรู้จัก มันเช็คแฮนด์ แบบขัดๆเขินๆ
ผมต้องพูด ไทย พูด อิงกิด ปนกันมั่ว ช่วยสื่อสารให้นะ ไม่งั้น ไม่รู้เรื่องกัน สรุปเฮฮาปาร์ตี้ กันเสร็จ ผมก็ลามัน
กลับบอกว่าจะต้องไปที่อื่นอีก ไอ้ ณี มันบอกว่ามีไรขัดข้อง หรือเอ็งอยากทำการค้าบอก ข้า ได้ เล้ยยย แองกิ้ววะ ณี


ถึงตอนที่กล่าวถึงเจ้า ณี ผมขออุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนคนนี้ ด้วย จากสถานการณ์ภาคใต้ มันโดนถล่มด้วยเอ็ม 16
ซะพรุนทั้งคัน และตายด้วยปืนของมันเอง

คนยิงถล่ม มันเอาปืนที่มันพก กดใส่กระบาลมันอีกที มันตายเพราะหางเลข เจือกทะลึ่งนั่งเป็นเพื่อนไปกับเจ้าพ่อ
ที่มีธุรกิจสีเทา เลยตายสะ กลายเป็นสถานการณ์ผสมโรง จากธุรกิจ แต่ข่าวมันลง ว่าเป็นโจรใต้ โจรมันคงนึก กรู
ซวย อีกหละ มรึงยิงกันเรื่องส่วนตัว กูโดนหางเลข

ไปแหล่งที่สอง ตำบล ป่าไร่ อำเภอนาประดู่ ปัตตานี ด้านหลังวัดหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด น้านแหละ ตอนนี้
ย้ายออกมาขึ้นกับอำเภอแม่ลานแล้ว ผมเข้าไปในหมู่บ้านกลางป่า

เอลี่ มันมองเลิกลั่ก มันจะพา กรูมาเชือดมั้ง มันคงนึกดังนั้น ผมสังเกตุเห็นเหงื่อที่มือมันแตกพลั่กๆ เอลี่มันบอก
ตอนที่หนองจิกก็ว่า เสียวแล้ว ผมบอกว่านั้นมันจิ๊บๆริมถนนหลวง อันนี้ในป่า แดนสีชมพูเชียว มันบอกว่าเหมือน
แถวลูซอน ที่ฟิลิปินส์เลย แดนอาบูซายับเวลาไปทำงานไซท์ต้องนั่ง ฮ. ไปนะ ไม่งั้นโดนสอย

ถึงบ้านวังกว้าง กลางป่า ห่างจาก ตัวถนนหลวงประมาณ 10กว่าโล ทางวิ่งหรอลูกรัง ครับ อย่าเรียกว่าลูกรัง คง
ต้องเรียกว่า ปู่รัง มากกว่าลูกงี้บักเอ้บ ใหญ่ 80X80 ซม เอามาบดอัด ให้แน่น บางครั้งก็โผล่เหลี่ยมขึ้นมาขับรถ
ต้องระวังเดวยางระเบิดกลางป่าบรรลัยเลย

อัซซาลามมุอาลัยกุม ผมตะโกนไป ชาวบ้านลูกเล็กเด็กแดง วิ่งเข้าบ้านเรียบ ปิดประตูหมด เมียโต๊ะครูโผล่หน้า
ออกมา ว่าอาลัยกุมสลาม

อ้าว โบ้ เองหรอ มาๆๆ...มานั่งก่อน ผมบอกผมพาเพื่อน ฟิลิปปินส์หน้ายะลามา ด้วย ยะลา ภาษายาวี หมายถึงคน
อีสานบ้านเรานะ เค้ารีบจัดแจง ปูเสื่อ หาน้ำหาท่ามาให้

ลูกสาวโตะครู รีบไปตะโกนบอกชาวบ้านว่า พี่โบ้ มาจาก บาก้อ... บาก้อ คือ บางกอก หรือ กทม นะพี่น้อง เท่านั้น
แหละ นกกระจอกแตกรัง มารุมหน้ารุมหลังกันเพียบ เอลี่ มัน หันหน้าหันหลังล่อกแล้ก มันคงป๊อด นะ มันถามว่า
อะไรกัน ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่า ผมเคยมาพัฒนาชาวบ้านแถวนี้ ยกระดับคุณภาพชีวิต เรื่องรายละเอียด ติดตาม ปี
หน้าครับ อิอิ

มันพยักหน้า ผมบอกว่าไม่ต้องกลัว ใช้ หลัก 5 ประการที่บอกไว้เอลี่ มันพยักหน้าครานี้เอื้อมมือสลาม กะคนแถว
นั้น อย่าเคอะเขิน ชาวบ้านยื่นมือตอบ มันยื่นมือให้สาว และหญิง ผมบอกว่าไม่ต้อง เค้าไม่ถูกเนื้อต้องตัวกัน ยกมือ
ตะเบะพอ สาว คริ คริ กันใหญ่ ไอ้นี่หน่าตามันหล่องะ แต่มันหล่อน้อยกว่าพี่จิม....

มามา หมายถึงเมียโตะครู เมียภาษายาวี เค้าเรียกว่า บินิง มามา ถามว่าไปไงมาไง ผมก็เล่าเหมือนเดิม แล้วฝากเนื้อ
ฝากตัว ผมถามว่า บาบอ ไปไหน บาบอ คือโตะครู เค้าบอกว่าสอนหนังสือ อยู่บน บาแล บาแล คือ อาศรมน้อยๆ
ไว้ใช้เรียนธรรม กัน ผมพยักหน้า แล้วผมบอกเอลี่ว่า ยูไปเปิดเอาขนม กะ ฟุตบอลออกจากรถ มา สองลูกไป เร็ว
ใช้มันซะเลย

ถามว่าทำไมต้องใช้มัน ผมต้องการให้มันเดินโชว์หุ่น เพื่อชาวบ้านจะได้จำมันได้ เวลามีปังหา เค้าจะได้ช่วยถูก
หรือไม่ก็ไม่ทำร้ายมัน

มันแบกของพระรุงพะรังลงมา มันมองเด็กๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังมันอย่างหวาดๆ ผมกะ มามา อมยิ้ม รู้ว่ามันกลัว
นะ

ผมเอาขนมมาแจกเด็กๆ ผลไม้ให้มามา เอาลูกฟุตบอลให้โรงเรียนบอกว่าให้เด็กๆเตะกัน ออกกำลังกาย ถ้าผมยัง
อยู่และทำงานแถวใต้จะหาทางสนับสนุนให้ออกไปแข่งข้างนอก ชนะมาหน้าบานเชว มามา มามา ค้อนปะหลับ
ปะเหลือก

มามา...หาอาหารบ้านป่าให้กิน แต่เริ่ดละ ปลาทูสดชุบขมิ้นทอด บูดูบิลิห์ ผักสด ไข่เจียว ต้มผัก กับกระทิ สักพัก
บาบอ มา ยิ้มใส่ กอด ผมจังหนับ แกตบหลังผมเบาๆบอกว่าชาวบ้านที่นี้คิดถึงผมมาก ผมหายกะโหลกไป 10 ปี
เชว เรากินข้าวด้วยกันแนะนำเอลีเรียบร้อย กินจนอิ่มหนำ

มามา.....บอกว่าจะพาไปบ้านลูกเขยแกที่ยะรัง เป็นอำเภอด้านหลังของนาประดู่ เขตติดต่อยะลา ลูกเขยแก มี
ปอเนาะอีกแห่งที่นั่น เอาละขับรถทะเบียน กทม ซะด้วยกลางป่า ห่างออกไป 7-8 กิโล สนุกดีครับ ไปถึงที่นั้นมา
มา... แนะนำ ลูกเขยของแก และเอลี่ บอกวัตถุประสงค์เสร็จเรียบร้อย ฝากฝัง ผมก็งัดขนมกับฟุตบอลมาให้ ตาม
เคย

ผมก็นั่งโม้กับชาวบ้านและเอลี่ จนบ่ายแก่ๆ แล้วบอกมามา ว่า ต้องขอตัวกลับก่อนพรุ่งนี้มีงานเช้า มามา บอกว่า
อ้าว นึกว่าจะค้างที่นี่ เตรียมอาหารไว้ให้แล้ว

เค้าทำที่บ้านลูกเขยนะใส่ปิ่นโตไว้ให้ ผมบอกงั้นดีเลย ขอคาบกลับละกัน มามา บอกว่า ถ้าจะกลับรีบกลับเถอะ
เดี๋ยวค่ำอันตราย มามา บอกว่า กลางคืน เค้ามองไม่เห็นหน้าเราเค้าไม่รู้หรอก เดี๋ยวโดนลูกหลง ครับๆๆมามา รีบ
กลับเถอะเอลี่ ว่าแล้วกลับมาส่งมามา ที่ปอเนาะเดิม กลับเถอะเอลี่ผมพยักหน้า มันบอกว่าชอบที่นี่ ไม่น่ากลัวอย่าง
ที่มันคิด ผมบอกว่าเป็นไง ความจริงกับตามสื่อมันคนละเรื่องกันใช่ไหม

มาถึงตอนนี้ผมขออุทิศส่วนกุศล ให้ลูกเขย มามา โดนถล่ม เหมือนกันเมื่อ 6 เดือนก่อน เรื่องที่แกรับซื้อน้ำยางนะ
แล้วแกนำชาวบ้านเลิกยาเสพติด

วันนั้นผมพาเอลี่กลับถึงหาดใหญ่ก็ สองทุ่มกว่า เหนื่อยจัง ผมถามเอลี่ รู้สึก อย่างไรกับ อาบูซายับ มันบอกว่า
อาจจะเป็นอย่างที่มันเห็นก็ได้ ทุกอย่างเป็นการเมืองและสื่อเท่านั้นที่หวังผลอะไรบางอย่าง

เอลี่...บอกว่าเรานอนพักกันตื่นนึงเดว 5 ทุ่ม ไปแรด กันต่อ ที่ผับ วันนี้นัดเพื่อนๆที่ทำเบสมือถือ ไว้หลายคน โอเช
เลยเอลี่

แนวคิดแทรคติคอย่างเอาจริงเอาจังของนาย JIMBOVY ตอนที่ 15

************************************************
(12)คำอวยพรจากนายJIMBO… ขอให้โชคดีมีสุขนะเพื่อน MR.เฉิน
************************************************
ผมหางานให้ตาเฉิน ซื้อรถเสร็จสรรพ มอบหมายงานติดต่อผ้าไหม ผมหาบ้านเช่าราคาแบบคนไทยและช่วยย้าย
บ้านให้เรียบร้อย ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว ผมเองก็รอวันสิ้นเดือน ช่วงนี้ผมก็พาตาเฉินตะลอนเที่ยวไปทั่วตามภาษา
หนุ่มโสด อิอิ และแล้ววันสิ้นเดือนก็มาถึง ผมจำต้องไปแสตนบาย เป็นตัวสำรองที่บริษัทฯใหม่ ส่วนตาเฉินก็ขับ
รถไปทำงานตามปกติ

ผมบอกกับเจ้าของบริษัทฯ เอเยนต์ซี่ใหม่ว่า ผมขอเลือกนาย ว่านายงี่เง่า นายขี้งกไม่มีปัญหาสำหรับผม แต่ถ้านายดู
ถูกความเป็นคน โดนผมสวนแน่ๆ เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าส่งผมไปประจำ เดี๋ยวจะเสียบริษัทฯ เค้าถามว่าทำไม
ผมบอกว่าผมมาขับรถให้ผู้บริหาร ผมมาให้บริการแต่ไม่ได้หมายความว่าผมมาเป็นทาส ผมเอาแรงและ
ความสามารถมาแลกกับเงินค่าจ้าง เพราะฉะนั้นผมไม่ใช่ทาสอย่างแน่นอน เจ้าของบริษัทฯแกพยักหน้าเข้าใจ ผม
บอกว่าผมทำงานที่ไหนต้องทะเลาะกันก่อนปรับความเข้าใจ

ผมมาสำรองงานอยู่ได้ประมาณ 3 วัน ระหว่างนั้นตาเฉิน โทรมาถามทางและการปรับตัวกับที่ทำงานใหม่ ผมบอก
ว่าอย่างแรกเลยนะ ยูต้องทัก Good morning และยิ้มให้กับคนทุกคน ไม่เว้นแม้ยาม แม่บ้าน รู้จักถามเค้าว่า
สบายดีไหม แล้วยู จะได้ใจคนรอบข้าง หัดมีขนมนมเนยติดมือไปฝากด้วย ยูอย่าลืมนะ คนที่มีข้อมูลมากที่สุดคือ
ยามและแม่บ้าน

คุณจิม...พี่เจ้าของบริษัทฯ เรียกผมในเช้าวันหนึ่ง พี่มีงานประจำให้คุณแล้ว เป็นงานที่ขับให้ เพรสซิเด้นท์ของ
บริษัท ประกันภัยของอังกฤษ พรุ่งนี้คุณไปรับรถได้เลย ที่คอนโดเจ้านาย ครับผมพี่

วันรุ่งขึ้นผมไปเลยครับ เจ้านายใหม่อยู่ซอย จัสแมค หัวถนนสาธรนะ ตรงแยกไทยเบลเยี่ยมนะ Good
morning Boss นายใหม่ผมเป็นนายทหารเก่า อังกฤษนะ เดินตัวแข็งเป้ก เจ้าระเบียบ เช้าให้ไปส่งที่บริษัทฯ
กลับมาเทคแคร์มาดาม พอกันเลย สองคนนี้ เฮ้อ นายจิม ชอบคาวบอยสะด้วย มาเจออย่างงี้เซงเลย

วิ่งกลับมารับมาดาม เทคแคร์มาดาม ผมพูดภาษาอังกฤษกับมาดาม ถูกมาดามตำหนิเรื่อยเรื่องภาษาอังกฤษไม่ถูก
Grammar ผมนึกในใจ มันจะอะไรหนักหนาหว่าภาษาก็ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่เรา จำไว้เลยครับพี่น้องคนที่พูด
อังกฤษได้ ไม่ใช่คนที่พูดถูกต้องแต่เป็นคนที่สื่อสารและเข้าใจมากกว่า

ผมกำลังบอกนัยยะว่า การที่คนเราจะทำอะไรสำเร็จอยู่ที่เป้าหมายนะครับ อย่าไปยึดติดกับกรอบมากนัก แม้น
ภาษาที่เราสื่อสารก็ตาม สื่อสารถูกต้องแต่ไม่เข้าใจ งานธุรกิจเหมือนกันทุกอย่างเดินตามกรอบ แต่ไปไม่ถึงไหน
คนอื่นแซงปรู๊ดๆ

ผมขับกะมาดามนั้นได้ 7 วัน ไม่ไหวแหะ อึดอัดไม่ใช่ตัวเรา ทุกอย่างต้องตามกรอบ เหอๆ ผมโทรบอกเจ้าของ เอ
เยนต์ซี่ ผมบอกหาคนมาเปลี่ยนเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว เค้าบอกว่านั้นได้ดอนเป็นสต๊าฟเลยนะ

ผมบอกว่านั้นแหละปัญหา ผมไม่อยากเป็นสต๊าฟ เพราะผมไม่อยากขับรถจนแก่ตาย พี่เค้าถามว่าแล้วผมอยากเป็น
อะไร ผมบอกว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัทฯไงครับ พี่เค้าหัวร่องอหาย อิอิ ผมบอกว่าคอยดูนะพี่ วันไหนผมเป็น
เจ้าของบริษัทฯแล้วผมจะมาทำธุรกิจแข่งกับพี่ อิอิ

ผมแสตนบาย ที่นั่นอีก 2 วัน เจ้าของเอเยนต์ซี่บอกว่า มีงานให้ทำ เผอิญ บอสัท มือถือยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่วาง
เบส ทั้งประเทศไทย และต่างประเทศ เอนจิเนียร์เค้าขับรถชนคนใต้ ที่ปัตตานีนะ ฟาดไป 3 ศพ

ชาวบ้านท้องถิ่นไม่ไว้ใจ ทำงานไม่ได้มีอิมเมจลบ ให้ผมไปขับรถ ไปช่วยประสานงานให้นะ สนใจมั้ย แต่คุณต้อง
ไปประจำที่ใต้ เงินดี เบี้ยเลี้ยงดี สนมั้ย อิสระด้วย ผมบอกว่าคิดดูก่อน ผมห่วงลูกนะ ขอผมคิด 2 วันนะครับพี่

สองวันต่อมาผมบอกว่าโอเคครับพี่ แล้วจะให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ เจ้าของบริษัท บอกว่าเดี๋ยวนี้เลย อ้ายหยา..
ไม่ทันตั้งตัว โอเคมั้ยเค้ารออยู่ งานวางเบสมือถือวางไม่ได้หลายวันแล้ว ผมบอกว่าได้ครับ งั้นคุณกลับบ้านไป
เตรียมตัวตอนเย็นมาเจอพี่ ที่ออฟฟิศ เอาตั๋วรถไปพร้อมเงินแอดว้านซ์ ขอบคุณครับ

ผมรีบกลับมาบ้าน ไปร่ำลาลูก และแม่ ผมบอกแม่ว่า ถ้าผมเป็นไรไป หรือตายต่างถิ่น ไม่ต้องเอาศพกลับ ตายที่
ไหนฝังที่นั่นเลย ไม่ต้องห่วงคนเราถ้าใจและวิญญาน มันเป็นลูกแม่ ก็ต้องอยู่กับแม่ตลอดไป แม่ลูบหัวผม แล้ว
บอกว่า สู้นะลูก ไปตามฝันของลูก แม่จะดูแลลูกแกให้อย่างดี

ถ้ามีโอกาสก็มองลู่ทางไว้บ้างนะ แต่ถ้าไม่ไหว ก็กลับมาบ้านเรานะ ขอบคุณครับแม่ แล้วผมก็เอาหัวนอนซุกตักแม่
แม่ลูบหัวผมอีก บอกว่าจำคำที่แม่บอกได้ไหม ความทุกข์เป็นเช่นไรหัวร่อใส่หน้ามันแล้วบอกว่าแกไม่มีวันชนะใจ
ฉันได้ และแม่ได้บอกอีกว่า ชีวิตใครเป็นของใคร ไม่มีใครลิขิตชีวิตใครได้ นอกจากเค้าจะลิขิตชีวิตของเค้าเอง
แล้วผมก็หลับคาตักแม่

ผมขึ้นรถทัวร์ของปิยะทัวร์เย็นวันนั้น ถึงหาดใหญ่ ตอนเช้าคนที่ผมจะไปเจอชื่อ เอลี ซามองเต้ เป็นคนของ
Globe telecom ฟิลิปปินส์ ผมไม่เรียกว่านายนะ เพราะเป็นบัดดี้กัน ไปไหนไปด้วยกัน นอนด้วยกัน กิน
ด้วยกัน เอลี่ มันบอกว่า

การทำงานนอนจังหวัดไม่แน่นอน แต่เช่าห้องสวีท ไว้ที่หาดใหญ่ ที่เหลือนอนโรงแรม ไม่แน่นอน บางที ทุ่มนึงยัง
ไม่รู้เลยว่าต้องนอนจังหวัดไหน ถ้าโทรมา Site down ทั้งภาคใต้ต้องด่วนสถานเดว ได้เลย เอลี่เดวจัดให้

วันนั้นมะต้องทำงาน เพราะมันมัวแต่ซื้อเครื่องนอนให้ผม แล้วก็กางเกงในเป็น โหลๆ มันบอกว่ายูจะได้ไม่ต้องซัก
ใส่วันละตัวโยนทิ้งเลย อิอิ ดีวุ้ยส์ ปรากฎว่าผมก็เก็บมะยอมโยนทิ้งนะ

มันบอกว่าอยากได้อะไรในห้างสาวเอาเลยมันจ่าย ผมบอกมันว่าใช้เงินอย่างนี้มะไหร่จะรวย มันบอกว่าฝันอยาก
ซื้อรถเบนซ์ เอากลับมะนิลา ผมบอกว่าคงได้หรอก ใช้เงินแบบนี้ มันบอกว่าแล้วยูมีทางให้ฝันมันเป็นจริงมั้ย ผม
บอกว่าไม่ยากส์
มันถามว่าต้องทำอย่างไร ผมบอกว่าอย่างแรกต้องมีฝัน มีความหวัง มันงง ถามว่าอย่างไร ผมบอกว่า ความหวังยูมี
แล้ว ฝันมีแล้ว แต่ยังไม่แปรเปลี่ยนเป็นรูปธรรม

มันงง อีก ผมบอกว่า งง ทำไม ว่าแล้วผมลากมือมันบอกว่า Follow me มันงงอีก ผมบอกว่าตามมาเถอะ
Follow me everything gonna be alright ว่าแล้วมันก็เดินตามมา

ผมพามาที่แผงล๊อตเตอรี่ ยูเลือกเอามาใบนึง แล้วทุกวันที่ 1 และ วันที่ 16 ยูตรวจนะ รางวัลที่ 1 - 3 ล้านบาท ใบ
คู่ 6 ล้าน ยูซื้อรถได้แระ มันหัวร่อ เพื่อนๆคงหัวร่อตามมันว่าเพ้อเจ้อใช่ไหม?


นั่นเป็นการกระตุ้นนะว่าอย่าคิดแต่ในสมองอย่างเดวทำอะไรไม่ได้ ก็ซื้อล๊อตเตอรี่ ก็ยังดีแต่อย่านิ่งเฉย มันเป็น
กุศโลบาย พี่จิมถือคติว่าบนความไร้สาระ ย่อมมีสาระเสมอ และบนความมีสาระย่อมแฝงไว้ด้วยไม่มีสาระเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเราจงมองโลกให้ออกว่ากำลังเล่นอะไรกันอยู่ แล้วสนุกกับมันนะพี่น้อง

วันรุ่งขึ้นผมพามันไปที่หนองจิก เป็นคนใหญ่ที่นั่น เพื่อนๆคงสงสัยทำไมไม่ให้เอลี นำทาง มันทำงานที่ใต้ก่อนผม
ใช่ถูกต้องแล้วครับ แต่บารมีของผมที่ใต้มากกว่ามันนะ คนใหญ่ที่นั่น เป็นดอง ห่างๆกับผม

ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง อธิบายว่ามันคืออุบัติเหตุ เอลี่มันก็ไม่ใช่คนไทย เป็นฟิลิปินส์ ไม่รู้เรื่องอะไรกฎจราจรยัง
ไม่รู้เลย และอย่านึกว่ามันเป็นต่างชาติแล้วจะรวย มันก็เหมือนเรานั้นแหละ แถมจนกว่าอีก แต่ที่หรูเพราะเงินเดือน
เมื่อมาทำต่างประเทศ เงินเดือนเบี้ยเลี้ยงสูงหน่อย

ลุงคนนั้นแกพยักหน้าเข้าใจ แล้วจะให้ช่วยอะไร เค้าถามผมบอกว่าลุงช่วยอธิบายให้ชาวบ้านเค้าทราบว่า นายจิม
มาแล้ว นายจิมมาขอร้องพี่น้องใต้ เดววันศุกร์ผมจะไปละหมาดวันศุกร์ ที่ท้องที่เกิดอุบัติเหตุนะครับ

ลุงช่วยแนะนำตัวผมหน่อยนะว่าผมลูกหลานใคร โคตรเง่าผมเป็นใคร ลุงบอกได้เลยเราไม่ได้โกหก เพราะเรา
อาเนาะตานี

อาเนาะ ภาษายาวี แปลว่าลูก หรือเชื้อสาย อาเนาะตานี แปลว่าเชื้อสายปัตตานี พี่จิม....ลืมบอกไปว่า เชื้อทางด้าน
คุณตา กับคุณยาย มาจากสายเจ้าจอมมารดาเรียม ใน ร. 3 นะ

คุณยาย พี่จิม เป็นเชื้อ เจ้าปัตตานี +กับ ขรก.ในสมัยอยุธยา เชื้อปัตตานี ได้ถูกจับเป็นเชลยมาในสมัย ร.1 แยกเป็น
สองส่วน ส่วนพวกสนมเมืองปัตตานี จะมาเป็นนางทาสในวัง บางส่วนก็รับราชการ ทางคุณยายจะเป็นหมอตาใน
หลวง

อีกพวกคือสายคุณตาพวกนายกองทหารปัตตานีจะมาอยู่ตามหัวเมืองต่างๆเช่น นนทบุรี ปทุมธานี มีนบุรี หนอง
จอก พระประแดง และริมคลองแสนแสบ เพราะฉะนั้นคนที่ปัตตานีเค้าเลยนับถือที่บ้าน อะไรที่จะคุยมันก็จะได้
ง่ายขึ้น

วันศุกร์มาถึง ผมไปละหมาดที่มัสยิด ให้เอลี่มันรอที่บ้านโต๊ะอีหม่าม ให้ผมเจรจาก่อน แล้วค่อยปรากฏตัว ผมบอก
โต๊ะอีหม่ามว่าช่วยประกาศไปว่า ผมมาบริจาคค่าไฟฟ้าให้ แล้วได้บริจาคคัมภีร์กรุอานฉบับภาษาไทย ให้ 6 เล่ม
เพื่อให้ศึกษากัน

ก่อนการละหมาดเค้าจะมีประกาศสารพัดอย่าง ข่าวประชาสัมพันธ์นะ อิอิ ทุกอย่างผมจัดการเองหมด เอลี่มันไม่รู้
หรอกปล่อยให้งองู 2 ตัว

โต๊ะอีหม่ามประกาศว่า เรื่องที่เดิมเมื่อสองสัปดาห์ก่อนคืออุบัติเหตุ เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่เกิด
เรื่องไม่ได้ตั้งใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น ทุกวันนี้เค้าเสียใจ เค้าได้ให้ตัวแทนของพวกเราเชื้อสายตานีมากล่าวคำขอ
โทษและความเสียใจแทน เพราะเค้าเป็นชาวต่างชาติ ที่ไม่เข้าใจประเพณีทางเรา

ว่าแล้วนายจิมก็ขึ้นไปจับไมค์พูดกล่าวพอเป็นพิธี ผมบอกว่าขอมาอัฟ ทุกท่าน มาอัฟ เป็นภาอาหรับ แปลว่าขอ
อภัย ด้วยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าแล้วผมก็ร่ายยาวอิอิ ไม่ยาวหรอก 5 นาที เพราะกินเวลาละหมาดเค้านะ

พอหลังจากการละหมาดเราก็มานั่งจิบน้ำชากัน ผมถามชาวบ้านว่าถ้าเค้าจะมาแสดงความเสียใจพวกเราจะว่า
อย่างไร เค้าบอกว่าเข้าใจแล้วละ แต่วันนั้นด้วยความที่ไม่เข้าใจกัน เอลี่มันตกใจ คนมาล้อมรถกันหมด มันเลย
ล๊อครถ รถงี้เละตุ้มเป๊ะเลย ดีมีคนมาช่วยทันไม่งั้นมันตาย

ชาวบ้านบอกว่ามันไม่พูดไม่จา นึกว่าทำมึน ตอนนี้เข้าใจแล้วละ ผมดูท่าทีก่อนว่าพูดมีวาระแอบแฝงป่าว จะเอา
เอลี มาปรากฏตัวดีไหมหนอ ไม่ดีกว่ารอให้เรื่องซา ผมค่อยพามันมาแอ่ว แต่ที่แน่ๆผมบอกชาวบ้านว่าผมจะเข้ามา
ทำงาน ขออนุญาตนะพี่น้อง ทุกคนบอกว่ามาทำงานได้เลย หิวข้าวก็ มาแกนาซิ ดอซินิง

มาแกนาซิ ดอซินิง หมายความว่า
มาแก แปลว่า กิน
นาซิ แปล ว่า ข้าว
ดอซินิง แปลว่า ที่นี่

รวมๆกันแปลว่า มากินข้าวที่นี่นะ

พาเอลี่กลับหาดใหญ่ ..ระหว่างทางผมบอกมันว่าเราทำไรมั่ง เอามาเลย ค่าใช้จ่ายเอามาเคลมเลย เอลี่มันบอกว่า มัน
กลัวจนตัวสั่น นึกว่ามาอยู่ในดินแดน อาบูซายับสะอีก อิอิ

ผมบอกว่าตราบใดที่ ไออยู่ข้างตัวยู ไอรับรองความปลอดภัยให้ มะต้องวอร์รี่ บารมีของไอไม่ได้เกิดจากน้ำเงิน มัน
เกิดจากน้ำใจ ที่ ปู่ย่าตายายมอบให้ หัวใจไงเอลี่ เรารู้จักให้เค้า วันนึงมันก็กลับมาหาตัวเรา ตอนแรกอาจตลกไป
บ้างไม่ต้องสนใจ หรอกนะ บารมีอำนาจใดถ้าได้มาด้วยเงิน เงินหมด มันก็หมดตาม จำไว้นะเอลี่

กลับถึงหาดใหญ่ เอลี มันเตรียมการที่เราจะเข้า ไซท์ที่หาดใหญ่ มันบอกงานคร่าวๆคือ เราซ่อมไซท์ ที่ สัญญาน
ดาว และงาน ติดตั้งเสาสัญญาน รวมทั้งงาน คอนฟิกร์

ผมบอกว่าผมช่วยมันได้ มัน งองู 2 ตัวอีกดิ ผมเลยบอกว่าผมจบอีเลคโทรนิคส์มา และ พื้นฐานมาจากบริษัท
ก่อสร้าง จิ๊บๆนะเอลี่ เอลี่มันพยักหน้า คืนนั้นมาพาผมตะลอนหาดใหญ่ จนดึก มันมาวนะ ผมก็มาว มาวกับ
เอลี่มันจะซื้อเหล้า เรดเลเบิ้ล ที่หาดใหญ่ ขวดลิตร ขวดละ 670 บาท ติดรถไว้ตลอด ที่หาดใหญ่ไม่ต้องเสียค่าเปิด
นะพี่น้อง โอ้โห มันเที่ยวอย่างนี้มันจะมีเงินซื้อเบนซ์ กลับบ้านไหมเนี่ย ผมนึกในใจ

เวลาที่มันไปเที่ยวกะผม มันหนีบวิสกี้ไปด้วย พอกินได้ที่ มันจะขอตัวขอรถเอาไปแรดคนเดียว มันไปรับแฟนคน
ไทยที่หาดใหญ่นั้นแหละ แล้วมันก็ทิ้งตังค์ให้ผมจ่ายในคืนนั้น 2,500 บาท มันบอกว่ายูไม่ต้องเอามาทอนไอ
หรอก เดี๋ยวตี 1 มารับ เช็คบิลคืนนั้นมีแต่ค่ามิกซ์กับค่าอาหาร ประมาณ พันเศษนิด ที่เหลือเกือบพันแนะ

ตี 1 มันมารับผมกลับ ผมเอาเงินคืนมันมันบอกว่าไม่ต้องยูเก็บไว้เถอะ พอถึงห้อง มันก็เอามือล้วงกระเป๋า เอาเศษ
เหรียญ ใส่ในขวดโหล โอ้โห ขวดบักเอบเหรียญเพียบ เข้าท่าดีแหะเอลี่

เอามั่งดีก่าว่าแล้วผมก็ไปหา ขวด เนสกาแฟขวดใหญ่มามั่ง ใส่เหรียญของผมลงไปมั่งอิ

ก่อนนอนผมนอนทบทวน เรามานั่งทำอะไรที่นี่หว่า เป้าหมายเราผู้นำเข้าอุปกรณ์แก๊ส ดันเตลิดมายันภาคใต้ได้ไง
แล้วจะติดแหงกที่นี่นานไหมเนี่ย เมื่อไหร่จะถึงสักทีนะเป้าหมายเรา ง่วงจัง หาวๆๆๆๆๆ พี่น้อง พี่จิม ง่วงแล้วละ
พรุ่งนี้มีงานเช้า ต้องออกไปลุยกับ เอลี่ ที่ปัตตานี งานที่หยุดไม่ได้ทำมาตั้งนานนะครับ

แนวคิดเทคนิคแบบเอาจริงเอาจังของนายJIMBO ตอน 14

ก่อนที่จะโม้กันต่อ ผมขอเล่านิทาน ที่ผมชื่นชอบให้ฟังกัน

นิทานที่นาย Jimbo ชื่นชอบ
-------------------------
ถังน้ำใบหนึ่ง

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้
รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้
น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว


เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำ กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอน
ว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ


ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง


มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปี? ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ ข้างลำธาร มันได้พูดกับคน
ตักน้ำว่า

\"ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่
กลับไปยังบ้านของท่าน\"


คนตักน้ำตอบว่า \"เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบ านอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้าน หนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่.... ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้าง
ทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้า ก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถ
ที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบ นี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจ
ได้รับความสวยงามแบบนี้ได้\"


คน เราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง... แต่รอยต ำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกั นของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....


สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค ่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น.. และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัว ของพวกเขาเหล่านั้น
เท่านั้นเอง

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

***************************************************
(11)คนขับรถหางานให้เจ้านายมีที่ไหน ของที่ไม่เคยคิด มีที่ นาย JIMBO
***************************************************

ผมจรลี จะไปไหนดีละครับพี่น้อง มีเวลาครึ่งวัน เอาใกล้ๆก่อน อ้อ มีอยู่โรงงานนึงแถวซอยลาซาล มีผลิตภัณฑ์
เช่นเดียวกัน บึ่งไปเลยครับ พอเลี้ยวเข้าซอยลาซาล ใกล้ถึงโรงงาน อ้ายหยาอะไรฟะ ยุบยับไปหมด อ๋อๆๆ คนมา
สมัครงานนะสาวโรงงานเพียบเลย ป้ายผ้าหน้าโรงงานเขียนป้ายรับสมัครงาน ผมนั่งอ่านป้ายก่อง มีตำแหน่งตั้งแต่
ผจก ยันสาวในไลน์การผลิต อิอิ มีตำแหน่ง เดวกะนายจิมสะด้วย ตำแหน่งขับรถผู้บริหารไง พี่น้อง น่าสนใจดีออก

ว่าแล้วเดินไปที่ป้อมยาม พี่ยามถามว่าจะมาสมัครงานหรอ ผมบอกว่าใช่ครับพี่ แต่โรงงานนี้แปลกแหะไม่ให้ เรา
เข้าโรงงาน ไม่ให้แลกบัตรแต่นั่งเขียนใบสมัครทันใด ตรงป้อมยามนั่นแหละ แจกใบสมัครตรงนั้นเลย นายจิม ขอ
มาชุดหนึ่งแล้วเขียนๆทันใด บรรจงเขียนด้วยภาษาอังกฤษลายมือสวยสุดฤทธิ์

เขียนลงไปเลย ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ หรือตำแหน่งผู้บริหารงานฝ่ายผลิต อิอิ ตำแหน่งเหล่านี้ไม่มี
ประกาศหรอก แต่นายจิม ไม่สน ฉันจะเขียนแบบนี้จะทำไม ชื่อผู้สมัคร มิสเตอร์เฉิน ผมเอารายละเอียดใน
Resume ของตาเฉินใส่ลงไป พร้อมเซ็นต์ชื่อตนเอง อิอิ ไม่ใช่ลายมือตาเฉินหรอก

ว่าแล้วก็ยื่นให้พี่ยาม พี่ยามเสร่อทำนอกหน้าที่ มาเอาใบสมัครที่ผมเขียนมาอ่าน พี่ยามไม่มีมารยาทงะ บอกว่า
ตำแหน่งอะไร พี่ยามอ่านไม่ออกหรอกผมเขียนภาษาอังกฤษ ผมบอกว่าตำแหน่งขับรถผู้บริหารงะ เหอ เชื่อผม
แหะ

เสร็จผมไปโรงงานนึงละผมหันหัวกลับ มาแอเรีย แถวโรงงาน ผมก็ใช้วิธีเดียวกันนี้แหละ ทำไมหรอพี่น้อง อาจ
สงสัย ขืนทะลึ่งบอกตำแหน่งจริง โรงงานคงให้สมัครหรอก มันเปงแท็คติคผมนะ

วันนี้พอก่อน สองโรงงาน ไปรับตาเฉินดีก่า กลับถึงโรงงานรอรับ ตาเฉิน กลับบ้าน มันขึ้นรถมาหน้าเหมือนตูด
เลยครับพี่น้อง ไม่รู้มันจะเครียดอะไรหนักหนา

เป็นอะไรอีกผมถาม มันตอบผมว่า ไลน์ผลิต ผลิตงานผิดไปหลาย K นะ มันยิ่งถูกเพ่งเล็ง อยู่ด้วย

ผมถามมันว่าตรวจดีแล้วหรือยัง คำนวนถูกต้องไหม ยูรีเช็คอีกครั้ง มันบอกว่ารีเช็คแล้วไม่รู้ว่าผิดเพราะอะไร
มูลค่าความเสียหายครานี้เท่าไหร่ มันตอบผมว่า ประมาณ5 ล้านบาทงะ

ผมบอกว่าใจเย็นๆ อาจเป็นเกมส์นะ สติเท่านั้นคอยสังเกตุดู ว่าคู่อาฆาตยูนะเคลื่อนไหว จากสถานี ที่ 1 ไปสถานีที่
2 และ 3 4 5 เป็นเช่นไร หาจุดอ่อน และจุดแข็งให้เจอ อีกอย่างถ้ายูได้งาน ไม่เห็นต้องง้อเลย มันถามว่าวันนี้ผม
ไปที่ไหนบ้าง ผมบอกไปเรียบร้อย พร้อมเล่าให้มันฟังว่า ไม่มีตำแหน่งยู แต่ไอสมัครยูในตำแหน่งคนขับรถ นะ
มันหัวเราะกร้าก

ถามผมว่าทำไมยูทำแบบนั้น ผมบอกว่าถ้าเราเขียนตามความจริงใครจะให้เรายื่นใบสมัครละ ให้มันยื่นไปก่อน ให้
เค้าอ่านก่อน นิสัยคนไทยชอบเซย์โนแต่ต้นมือ ไม่เปิดมาดู แค่เริ่มเอ่ยปากหรือเห็นหน้าก็ บอกว่าไม่เอาแล้ว อีโก้
แรงนะ

ผมส่งมันเสร็จที่บ้านผมขอตัว กลับเร็ว เพราะต้องวางแผนการเพื่อสมัครงาน พี่น้องครับจำไว้เลยนะครับ การ
ทำงานเล็กงานใหญ่หรืองานอะไรก็ตามต้องมีแผนการณ์ ต้องทำการบ้านทุกครั้งเราจะชนะไปกว่าครึ่ง

ผมกลับถึงบ้านอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็ เปิดคอมฯ เสริชหาแผนที่ปริ๊นท์มากาง เตรียมเอาปากกามา เพื่อวงจำกัดแอ
เรีย เสริช เข้า BOI ดูโรงงานที่มีธุรกิจเดียวกัน อิอิ ได้แระ ละพี่น้องมะยากส์เลย

เอามาไฮไลท์ แล้วก็วง พรุ่งนี้ส่งตาเฉินเสร็จเราจะไปกัน ไปกะใครป่าวหรอก ผมบอกตนเองนะ ว่าเราจะไปกัน

ปากช่องครับ โรงงานขนาดใหญ่ที่นั้นชื่อดังระดับโลกสะด้วย แล้วไล่กลับกทม เอาจากไกลกลับมาหาใกล้ โรจนะ
ที่อยุธยา แล้วก็ ไฮเทค วงๆๆจดเบอร์โทรเรียบร้อย พรุ่งนี้ถึงเวลาปฏิบัติงานจะได้คล่องตัวเวลาเรามีจำกัด

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับตาเฉินเสร็จตีรถไปเลยปากช่อง ไปที่โรงงานนั้น 9 โมงเช้าพอดี อิอิ เราต้องทำเวลา คนอย่าง
นายจิม ไม่เคยให้เวลาเสียเปล่า

สวัสดีครับ พี่รปภ ผมมาสมัครงานนะ แลกบัตรเสร็จเรียบร้อย ไปที่แผนกบุคคล เค้าถามว่าสมัครตำแหน่งอะไร
ผมบอกว่ายังไม่ทราบครับเดี๋ยวผมเขียนก่อน แล้วคุณพี่ช่วยดูว่าจะให้ผมไปไว้ตรงไหน นะครับ

อะอย่างนั้นก็ได้ อิอิ เค้าคงไม่คิดว่าผมจะสมัครงาน เป็นผู้บริหารบริษัทนะ ผมก็เขียนใบสมัครเสร็จเรียบร้อย ยื่น
ให้ เค้าอ่านคร่าวๆ อ้าวคุณไม่ใช่คนไทย หรือ ผมบอกว่าใช่ อ้าวแล้วทำไมชื่อเป็นฝรั่งละ ผมบอกว่าชื่อเจ้านายผม
ผมมาเขียนใบสมัครแทนนาย อ้าวหรอ

ครานี้อ่านอย่างละเอียดเชว แหะๆๆสอบสัมภาษณ์ ไม่ต้องรอฝ่ายบุคคลตกหลุมอย่างแรง ครานี้ถามละเอียดเลยละ
ผมบอกเอางี้ดีกว่าครับ ไม่ต้องถาม ผมเล่าเอง เพราะถ้าถามมันไม่ Cover ประเด็น ผมเล่าถึงว่านายผม ตาเฉิน
อยากทำงานเมืองไทยอย่างแรง อยากอยู่เมืองไทย ผมบอกว่าเงินเดือนไม่ต้องสูงเว่อร์ เดือนละล้านกว่าบาทหรอก
ไม่จำเป็น นายผมเค้าแค่อยากเป็นไทย ซิติเซ้นต์มากกว่า

ว่าแล้ว ผมก็ร่ายยาว เค้าบอกว่าเอางี้ เดว จะเสนอบอร์ดให้ แต่เงินเดือนไม่สูงนะอัตราคนไทย ผมบอกว่ามะมีปังหา

ผมลากลับบอกว่าจะรีบเอาข่าวนี้ไปบอกนาย ขากลับแวะนิคมโรจนะ นิคมไฮเทค น้อคดอร์ ยื่นใบสมัครตลอด
ได้รับคำตอบเดวกันเลย นึกแง่ดีไว้ ว่าน่าจะมีสักโรงโอเคนะ

มาจบที่นิคมไฮเทค พอดี อ้ายหยา สามโมงก่าแล้ว ผมต้องรีบไปรับตาเฉิน วันนี้แจกใบสมัครไป 10 กว่าโรงนะพี่
น้อง เหนื่อยเจงๆแต่มะเปงราย พี่จิม ถือคติว่า ถ้าจะดันตูดใคร ต้องให้ถึงที่สุด

ไปรับตาเฉินตามเวลาปกติ ผมเอามาส่งบ้าน ทำการบ้านจำกัดแอเรีย คืนวันพรุ่งนี้ วางแผนว่าจะไป ยื่นใบสมัครที่
ธรรมศาตร์สถาบัน อะไรนะจำมะได้ และก็สถาบันจุฬาภรณ์ นะไม่รอช้าวันรุ่งขึ้นจัดการทันใด

ผมทั้งอาทิตย์ไล่แจกใบสมัครให้ตาเฉินกระจายเลย เวลาผ่านไป สองสัปดาห์ทุกอย่างเงียบสงบ ตาเฉิน บอกว่ายู
เหนื่อยมาก ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นหรอก ผมบอกว่า เวลาผมเดินผมจะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ได้โปรด
อย่าห้ามไอ ถึงห้ามก็ไม่ฟัง


สัปดาห์ที่สาม ผมเริ่มเปลี่ยนแผน ผมบอกตาเฉินว่าเราลองเปลี่ยนฟิลด์ดีก่า ระหว่างรองาน ตาเฉินถามว่า งานอะไร
ละ ผมบอกว่า งานเป็นอาจารย์ ตอนนี้ยูพูดภาษาไทยได้มากแล้ว เป็นอาจารย์ได้สบายมาก สนใจมั้ย

ตาเฉินบอกว่า จะลองดู ว่าไงว่าตามกันนะ ผมบอกว่างั้นไอเริ่มเลยนะในวันพรุ่งนี้

วางแผนเลยครับพี่น้อง ปูพรม ไล่ตามโรงเรียนนานาชาติ ก่อน แล้วก็ตามวิทยาลัยดังๆ ได้รับความสนใจพอควร
เค้าบอกว่าบรรยาย ชม ละ 2,500 บาท ส่วนมากบรรยาย สองชม. นะครับ

ผมรีบแจ้นมาบอก ตาเฉินทันใด ตาเฉินบอกว่า ก็โอเคนะ วันละ 5,000 บาท รายได้เสริม ยูไปบอกเค้านะว่า ไอ
สอนได้ เสาร์อาทิตย์ ดีกว่าอยู่เปล่าๆๆ โอเค บอส เดวจัดให้

ผมบ้าอยู่กับสถานศึกษาประมาณ 1 สัปดาห์ ปรากฎว่ามีสถานศึกษาตอบรับพอสมควร ผมเริ่มวางแผนการสอน
ให้ตาเฉินว่า จะต้องสอนอย่างไร สอนที่ไหน เพื่อให้มีรายได้สูงสุด แต่ทั้งหมด ผมยังไม่ให้ตาเฉิน รีบคอนเฟริม
กับสถานศึกษา

ผ่านมาเดือนกว่า วันนึงผมไปรับตาเฉินกลับบ้าน ตาเฉินลงมาหน้าเครียด บอกว่า จิม ไอ้ซอรี่ จริงๆ ผมถามว่าเรื่อง
อะไรละ เค้าบอกว่า ไอมีเวลาทำงานที่นี้ได้อีก 15วัน เรายังหางานไม่ได้เลย จิม นายคงลำบากนะ ผมบอกว่าไม่
ต้องห่วง ของไอ สบายๆ ไอเงินเดือนจี๊ดเดียวก็อยู่ได้

แต่ยูละรับเดือนละล้านกว่าจะมารับเงินเดือนละ 2-3 แสนไหวหรือ สมัครงานของยูนะเรื่องยากส์ ของไอเรื่องง่าย
ไม่ต้องห่วง ระหว่างทางมันก็ปรับทุกข์กับผมพร้อมทำหน้าเซ็ง

ผมบอกว่ายูจะเซ็งทำไม มันบอกว่า ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ไม่ตอบก็ไม่ตอบดิ จะไปเครียดทำไม ถึงเวลาไม่มี
ยูก็กลับบ้านไปเลียแผลทำใจให้สบาย ก็ แค่นั้น มะยากส์

ผมส่งมันเสร็จ ผมก็มานอนคิด มันหมดสัญญาแล้วเราจะเดินไปทางไหนต่อดีนี้ อิอิ มะกลัว กลัวทำไมจิ๊บๆนะ
มะช่ายเรื่องยากส์สำหรับผมเลย พรุ่งนี้ว่ากันใหม่นะนายจิม ผมคิดดังนั้น

พรุ่งนี้ผมไปรับตาเฉินตามปกติ ผมบอกเพื่อนคนขับรถด้วยกันว่าผมมีเวลาทำงานที่นี่อีกไม่เกิน สองอาทิตย์ ว่าถ้า
ตาเฉินตกงานผมคงตกไปด้วย

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า มีรถที่นี่ผู้บริหารชุดใหม่เพิ่งทำสัญญาเช่ามานะ พี่ลองไปคุยกับบริษัทนั้นดิ เผื่อต้องการคน
รถ ผมพยักหน้านึกในใจก็ ดีเหมือนกัน ผมถามว่าบริษัทนั้นอยู่แถวไหน เค้าตอบว่าบริษัทนี้อยู่แถวสนามบินน้ำ
นนทบุรี นะครับ ดีเลยใกล้บ้านเราสะด้วย คริคริ ผมมีงานทำ ตาเฉินยังหามะได้

วันต่อมา ผมออกไปหางานทำให้ตาเฉินตามเคย ไม่ลืมแวะที่บริษัทดังกล่าว ไปสมัครงานนะบอกเค้าว่าทำที่
โรงงานบางน้ำเปรี้ยวที่ เอารถไปให้เช่านะ เค้าเลยโอเครับผม แต่ผมบอกว่าต้องรอ ตาเฉินหมดสัญญาก่อน เค้า
บอกไม่เป็นไรงานเค้ามีมาก

ผมกลับมารับตาเฉิน ในวันนั้น ตาเฉินยิ้มร่าลงมา ผมบอกตาเฉินว่า ผีออกแล้วหรอ มันกร้ากๆ

ผมบอกว่าหัวเราะเรื่องอะไร มันบอกว่าโรงงานที่ซอยลาซาลเรียกมันไปสัมภาษณ์งะ พรุ่งนี้ ยูพาไอ ไปหน่อยนะ
อิอิ ได้เรื่องแระ

วันรุ่งขึ้นผมไปรับตาเฉิน ไปส่งที่โรงงานในซอยลาซาล นั่งรออยู่ประมาณ ชั่วโมงนึง มันเดินออกมายิ้มแห้งๆ
บอกว่าเงินเดือนจี้ดเดว ผมถามว่าเท่าไหร่ มันบอกว่า สองแสนก่าบาทเอง ผมเลยบอกว่า ยูก็ใช้ชีวิตแบบคนไทยดิ
กลัวอะไร สองแสนนี่ก็เยอะนา

เช่าคอนโดแบบคนไทยอยู่ มีรายได้พิเศษจากการสอนหนังสือ สักเดือนละแสน มีรายได้จากการค้าผ้าไหม และ
เล่นหุ้น อีกสักเดือนละสามแสน ยูก็อยู่ได้อย่างสบาย มะต้องห่วงไอ มันพยักหน้า ผมบอกว่ามะต้องห่วงไอ เรื่อง
รายได้น้อย ไอยกกิจการทั้งหมดให้ยู เอาไปบริหารเองละกัน มะมีปังหา ไม่ต้องมาแบ่ง

มันบอกว่าแล้วยูจะ อยู่ได้อย่างไร ผมบอกว่าสบายมาก คนอย่างไอ สินทรัพย์อยู่ที่ปัญญา เงินไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็
มา ไอรู้จักที่จะลงจากหลังเสือ เดวไอ ก็สร้างมาใหม่ได้ สบายมาก น่านะ เอาตามไอว่าอย่ากังวลเกินเหตุ

มาดามยูส่งกลับบ้านไปก่อน เวลาเราเริ่มต้นงานหิน อย่าเอาครอบครัวมาลำบากด้วย เข้าใจป่าวเฉิน

และแล้ววันที่ตาเฉิน หมดสัญญาก็มาถึง ตาเฉินนั่งพักกะบ้าน ผมเองนะหรือก็อยู่เทคแคร์มันก่อน ผมกะว่าเป็นช่วง
พักผมด้วย ผมช่วยส่งมาดามกลับบ้านช่วยเก็บข้าวของ

ผมพาตาเฉินมาติดต่อห้องพัก แถวริมถนนแจ้งวัฒนะ ราคา หมื่นต้นๆ ก็โอเคนะสำหรับคนไทย ผมใช้ชื่อผมเช่าให้
ตาเฉินเริ่มมูฟของ ของบางชิ้นไม่ใช้ยกให้ผม ผมบอกไม่ต้องหรอก ผมตัวคนเดียวอยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่อยาก
หอบสัมภารก ติดตัวไป

ระหว่างนั้นผมก็ ไปสมัครงานที่บริษัทรถที่กล่าวนำมาในตอนต้น บอกว่าสิ้นเดือนผมมาทำงานนะ เค้าบอกว่ามา
แสตนบายที่ออฟฟิศ ผมบอกไม่มีปัญหา บริษัทนี้อัพเงินเดือนให้ผมเท่าตัว เค้าบอกว่าผมนะ ซีเนียร์แล้ว ทั้งบริษัท
มีคนรถ 3คน รถเช่ามี อยู่ 20 กว่าคัน ผมบอกเจ้าของบริษัท รถเช่าว่าพี่ไม่ต้องกังวลนะ มีงานผมทำ ไม่มีผมรอได้
สบายๆๆ

บริษัทที่ตาเฉินไปอยู่ใหม่ ไม่มีนโยบายให้รถพร้อมคนขับแต่ให้เงินมาก้อนนึง เหมาจ่าย ตาเฉินมาถามว่ายูมาขับ
ให้ไอ ไหม ผมบอกไม่ ยูขับเองจะได้เซฟตังค์วันไหนยู อยากไป ตจว.บอก เดวมาบริการให้ มันถามว่าแล้วจะเอา
รถที่ไหน ผมบอกซื้อเอา มันบอกว่าซื้อเป็นชื่อคนต่างชาติ ผมบอกว่าไม่มีปัญหา ซื้อได้ สำหรับสังหา แต่อสังหา
ซื้อไม่ได้ ยูเบื่อเมื่อไหร่โยนทิ้ง มันพยักหน้า รับทราบ

ผมบอกว่าอย่ารอช้าไปดูรถกันดีกว่านะเฉิน ผมพามันเดินตามตลาดนัด อะ ได้รถเป้าหมาย ดีสำหรับคนเดว ไป
สะดุดตาที่ สามห่วงนะ สภาพสวยแจ๋วแวบ ผมให้ตาเฉิน ซื้อทันใด รู้สึกว่ารถ ปี 95 ราคา สองแสนต้น

พาตาเฉินตะลอนทั้งวันเหนื่อยจังครับ พี่น้องวันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้มาตามติดตอนอวสานงานกะตาเฉิน
ว่า นายจิม จะไปทำไรอีก นะครับ